[Review] รีวิวซีรีส์บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน ภาคฉงฉี่ฯ Reunion: The Sound of the Providence 《重启之极海听雷》 ฉบับแฟนเกิร์ล (ที่พยายามจะคีปลุคไม่ขี้ชิป)

สวัสดีจ้ะ~☆

เพิ่งดูซีรีส์ บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน หรือเต้ามู่ปี่จี้ ภาคใหม่ที่กำลังฉายถึงตอนล่าสุดมาค่ะ ก็เลยอยากมารีวิว + จดบันทึกความคิดที่นึกได้ระหว่างดู เอาไว้อัพประจาน เอาไว้อ้างอิงในอนาคต หรือเอาไว้มาย้อนดูว่าเคยรู้สึกยังไงก่อนจะไปถึงตอนจบและเฉลยของมหากาพย์นิยายและซีรีส์เรื่องนี้ (ว่าแต่มันจะมีใช่มั้ยคะ ตอนจบกับเฉลยน่ะ)

ภาคใหม่ที่ว่านี้ ชื่อภาคว่า 《重启之极海听雷》 (ฉงฉี่จือจี๋ไห่ทิงเหลย) หรือชื่อภาษาอังกฤษคือ Reunion: The Sound of the Providence มักจะเรียกย่อๆ กันว่า ภาคฉงฉี่ฯ แฟนต่างชาติบางคนก็เรียกว่าภาค Restart (= คำแปลของคำว่า ‘ฉงฉี่’)

ซึ่งถึงชื่อจะหมายถึงการเริ่มต้นใหม่ แต่ก็ไม่ใช่การรีบูต (ทำใหม่) แต่อย่างใดค่ะ ก็เป็นภาคต่อนั่นแล แต่ที่ใช้ชื่อแบบนี้เพื่อสื่อถึงการกลับเข้ามาสู่วงการขุดสุสานครั้งใหม่ของอู๋เสีย ถือเป็นการเริ่มต้นการผจญภัยครั้งใหม่ หรือ Restart นั่นเอง

ลำดับการดูและอ่านเป็นดังนี้ บันทึกจอมโจรแห่งสุสานภาคหลัก (นิยาย 10 เล่ม/หนังสือการ์ตูน/เว็บซีรีส์ชื่อ The Lost Tomb) → ภาคทิเบตจั้งไห่ฮวา (มีเว็บโนเวล/หนังสือการ์ตูน/ฉบับนิยายกำลังรอรีไรต์) → ภาคซาไห่ (มีเว็บโนเวล/หนังสือการ์ตูน/ฉบับนิยายกำลังรอรีไรต์/เว็บซีรีส์ชื่อ Sha Hai) → ภาคสิบปี (มีเว็บโนเวล/ฉบับนิยายออกรวมเล่มแล้ว) → ตอนพิเศษราชานักตก (เป็นตอนพิเศษกรุบกริบลงในเน็ต เป็น Intro ก่อนเข้าสู่ภาคฉงฉี่ฯ/อยู่ในเล่มเดียวกับภาคสิบปี) → ภาคฉงฉี่ฯ (มีเว็บโนเวล/กำลังจะออกรวมเล่มนิยาย/มีเว็บซีรีส์ฉายอยู่ ณ ปัจจุบัน)

***ที่เรียงให้ดูนี้ยังไม่รวมตอนพิเศษอื่นๆ เช่น ตอนพิเศษตรุษจีน ที่ หนานไพ่ซานซู (ผู้เขียน) จะเขียนมาลงให้อ่านเล่นๆ ทุกปีในช่วงตรุษจีน และเรื่องสั้นต่างๆ ที่ผู้เขียนเวิ่นทิ้งเวิ่นขว้างตามโซเชียลนะคะ นอกจากนี้ เราก็ไม่ได้เอาซีรีส์ “เก้าสกุล” มารวมในลำดับการอ่าน/ดูนี้ด้วย เพราะเป็นไทม์ไลน์ที่สามารถตามแยกกันได้แม้จะเป็นจักรวาลเดียวกันค่ะ***

ภาคหลักดีเลิศเมากาวขนาดไหน คงไม่ต้องแนะนำกันแล้ว (ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไงแนะนำให้ลองซื้อนิยาย “บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน” มาลองอ่านดูค่ะ) รีวิวนี้เราจะมีพูดถึงแต่ภาคต่อ ซึ่งก็คือ “ภาคฉงฉี่ฯ ฉบับเว็บซีรีส์” หรือละครออนไลน์เท่านั้นค่ะ

Review: DMBJ Web Series ‘Reunion: The Sound of the Providence’

ชื่อซีรีส์: 重启之极海听雷
Reunion: The Sound of the Providence

วันที่เริ่มฉาย: 15 กรกฎาคม 2020
จำนวนตอน: 32 ตอน (ซีซันที่ 1)

(ณ วันที่รีวิว 28 กรกฎาคม 2020 ฉายถึงตอนที่ 10 สำหรับผู้ชมทั่วไป และฉายถึงตอนที่ 16 สำหรับผู้ชม VIP มีซับไทย/อังกฤษ/จีน ฯลฯ)

 

ลิงก์ดูบันทึกจอมโจรแห่งสุสาน ภาค Reunion: The Sound of the Providence :
www.iq.com/play/2ffkws2vkdd (ดูฟรี ถูกลิขสิทธิ์)
www.monomax.me/title/102890_Reunion:TheSoundoftheProvidence.html (มีพากย์ไทย ถูกลิขสิทธิ์)

 

**Warning**
– เนื้อหาทั้งหมดต่อจากนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว กรุณาใช้วิจารณญาณในการรับชม
– Spoiler Warning บทความนี้จะพยายามเขียนไม่ให้สปอยล์เรื่องราวที่เกิดขึ้นในซีรีส์มากนักเพื่อให้คนที่อยากรู้ข้อมูลซีรีส์ภาคนี้มาอ่านได้คร่าวๆ ค่ะ แต่อาจมีบางส่วนจำเป็นต้องกล่าวถึงบ้าง หากไม่อยากรู้อะไรเลยก่อนดู รบกวนอย่าเพิ่งอ่านบทความนี้นะคะ
– เจ้าของบล็อกติดตามนิยายเป็นหลัก ยังไม่ได้อ่านนิยายภาคทิเบต ซาไห่ และฉงฉี่ฯ (แต่อ่านภาคสิบปี กับตอนพิเศษราชานักตกแล้ว) และไม่ได้ดูซีรีส์ภาคอื่นเลยนอกจากซีรีส์ The Lost Tomb ซีซันแรก (นำแสดงโดยหลี่อี้เฟิงและหยางหยาง) ค่ะ
– เจ้าของบล็อกเป็นแฟนเกิร์ล ชิปผิงเสีย พั่งพาน เฮยซู เฮยหย่า/เฮยฉู่ (หนุ่มบอดสาวใบ้) จะรีวิวแบบมีไบแอสของชิปเปอร์แน่นอนค่ะ ใครที่ไม่ชอบความสัมพันธ์ของคู่ดังกล่าว กรุณาหลีกเลี่ยงและจัดการตัวเองค่ะ
– มีภาพน่ากลัวๆ ตามสไตล์เต้ามู่ฯ ในบทความนี้นะคะ

 

มาค่ะ ภาคนี้เป็นเรื่องราวการผจญภัยครั้งใหม่ของอู๋เสีย ซึ่งจะต่อเนื่องจากตอนพิเศษราชานักตกโดยตรงเลย ในนิยายตอนพิเศษราชานักตกจะจบลงที่อู๋เสียได้รับ SMS ข้อความปริศนาทางโทรศัพท์ ซึ่งเป็นข้อความจากอาสามที่หายสาบสูญไปตั้งแต่เล่มท้ายๆ ของนิยายภาคแรก

จุดเริ่มต้นเรื่องของฉงฉี่ฯ ฉบับซีรีส์กับฉงฉี่ฯ ฉบับนิยายจะต่างกันอยู่นิดหน่อย ตรงที่นายน้อยอู๋เสียในฉบับนิยายฉงฉี่ฯ จะเริ่มต้นด้วยการสืบหาเรื่องของอาสามจากข้อความที่ได้รับมาในท้ายตอนพิเศษราชานักตกเลย ในขณะที่ อู๋เสียในซีรีส์ฉงฉี่ฯได้รับการจ้างวานให้ไปดูหลุมแห่งหนึ่งที่น่าสงสัยว่าจะเป็นสุสานโบราณก่อน (ในซีรีส์จะปรับเซตติ้งให้อาสามกับนายน้อยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุโบราณ ไม่ใช่โจรสุสานเหมือนในนิยาย) จากนั้นค่อยกลับมารื้อบ้านแล้วเจอโทรศัพท์เก่าที่มีข้อความของอาสามส่งมาหาค้างอยู่

จากนั้นเนื้อเรื่องจะดำเนินไปคล้ายกันแล้ว คือออกเดินทางเพื่อตามหาอาสามจากเบาะแสในโทรศัพท์ โดยที่อู๋เสียก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอาสามยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

***แต่ต่อจากตรงนี้ไปจะเหมือนนิยายมากมั้ยก็ไม่รู้แล้วจ้า~ เพราะได้อ่านนิยายภาคนี้แค่ 4 บท จากทวิตเตอร์ของ คุณเบียร์ อนุรักษ์ กิจไพบูลทวี (ผู้แปลบันทึกจอมโจรแห่งสุสานภาคหลัก และหนังสือการ์ตูนภาคทิเบต) ที่แปลฉงฉี่ฯ ฉบับเว็บโนเวลให้แฟนๆ ทดลองอ่านกัน ถ้ายังไงคนที่อ่านนิยายมาแล้วงดสปอยล์นิยายลงในคอมเมนต์นะคะ***

เพราะฉะนั้นจุดที่จะรีวิวต่อแต่นี้ไปก็คือส่วนที่มาจากซีรีส์อย่างเดียวและจะไม่เทียบกับฉบับนิยายฉงฉี่ฯ เลยแม้แต่น้อยค่ะ

 

ด้านเนื้อเรื่อง

ปริศนาในภาคนี้ เป็นการ “ถมหลุม” ที่ขุดทิ้งไว้ของภาคเก่าๆ เรื่องการหายตัวไปของอาสาม ซึ่งจะถมหลุมได้มิดหรือไม่ อันนี้ต้องติดตามกันต่อไปนะคะ แต่ที่แน่ๆ คือระหว่างที่ดู เราก็นับหลุมใหม่ๆ ที่คุณหนานไพ่ซานซูขุดเพิ่มมาเฉพาะในภาคนี้ได้หลายหลุมแล้ว ทำไมเขาเป็นคนแบบนี้…

แต่ถึงจะไม่เคยดูภาคเก่าก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะตอนต้นเรื่องได้ปูพื้นฐานเกี่ยวกับการหายตัวไปของอาสามและเริ่มแนะนำตัวละครที่สำคัญใหม่หมดแต่แรกเลย และตัวละครในปริศนาที่เกี่ยวข้องกับอาสาม ส่วนใหญ่จะเป็นตัวละครใหม่ที่เพิ่งปรากฏชื่อในภาคนี้ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าคนดู/คนอ่านเก่าหรือคนดูใหม่ ก็จะได้เริ่มทำความเข้าใจเกี่ยวกับปริศนานี้ไปพร้อมๆ กันในภาคนี้ค่ะ

เริ่มต้นมา เส้นเรื่องจะโฟกัสที่กลุ่มสามเหลี่ยมเหล็ก อู๋เสีย นายอ้วน และจางฉี่หลิง ซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่องในช่วงที่ตามหาเบาะแสของอาสามสักพัก แล้วจึงเริ่มแนะนำตัวละครใหม่ (แต่หน้าเดิมจากภาคนิยาย) อันได้แก่อารองและเฮยเสียจื่อ

จากนั้นเส้นเรื่องจะแตกออกเป็นสองเส้น คือเส้นเรื่องผจญภัยสุดระทึกเคล้าน้ำตาของอู๋เสีย และเส้นเรื่องการผจญภัยสุดระทึกเคล้าน้ำตาลของนายเฮยเสียจื่อ (…)

ฉากผจญภัยของฝั่งอู๋เสียตื่นเต้นมาก กับดักและปริศนาในสุสานให้บรรยากาศคล้ายๆ บันทึกจอมโจรแห่งสุสานฉบับนิยายภาคแรกๆ มีบรรยากาศการตีกันและแบกกันไปมาระหว่างสามเหลี่ยมเหล็ก อู๋เสีย นายอ้วน และจางฉี่หลิง รวมทั้งฉากคลานในอุโมงค์โจรสุดคลาสสิก เพิ่มเติมคือกลไกในสุสานภาคนี้โหดขึ้นสมน้ำสมเนื้อกับความสามารถของตัวละครทุกคนที่พัฒนาขึ้นมามากจากภาคก่อนๆ นอกจากนี้ยังมีตัวละครใหม่ชื่อ “หลิวซั่ง” มาคอยปั่นป่วน (หัวใจคนดู) แบบที่ทำให้เกลียดไม่ลงเลยค่ะ

หลิวซั่ง ตัวละครใหม่ในภาคฉงฉี่ฯ (จริงๆ ก็ไม่ใหม่มาก มีบทในตอนพิเศษภาคซาไห่แล้ว แต่เพิ่งมาเปิดตัวเข้าร่วมทีมในภาคนี้ค่ะ)

ซึ่งขึ้นชื่อว่าบันทึกจอมโจรแห่งสุสาน หรือเต้ามู่ปี่จี้ งานกาวก็ไม่มีขาด จางฉี่หลิงกับอู๋เสียยังคงมีโมเมนต์กันอย่างต่อเนื่องและกลืนไปกับเส้นเรื่องอย่างเป็นธรรมชาติ โดยมีนายอ้วนเป็นหม่อมแม่คอยเป็นกำลังใจให้ลูกๆ (…) เพิ่มเติมคือมีโมเมนต์กันถี่มาก คนดูดูไปกรีดร้องไป ฮือ ใช่สิ พวกนายผ่านการพิสูจน์รักแท้สิบปีแล้ว ใช่สิ สนิทกันแล้วเส้! แง้ๆๆๆๆ ชอบ (ตรงนี้คนที่ไม่เคยดูหรืออ่านภาคอื่นมาก่อนอาจจะงงก็ได้ ว่าแก๊งสามคนนี้มันคบกันแบบไหนหว่า 55555)

เป็นภาพที่อธิบายความสัมพันธ์ของสามเหลี่ยมเหล็กได้ดีค่ะ ชอบสีหน้าของทั้งสามคนมาก
นายอ้วนตลก อู๋เสียมองตรง เมินโหยวผิงมองอู๋เสีย

ในขณะที่ฝั่งเฮยเสียจื่อหรือนายแว่นดำ เป็นเนื้อหาแนวภารกิจจารกรรมข้อมูล ที่นายเฮยเสียจื่อต้องแฝงตัวเข้าไปในหมู่บ้านต่างถิ่นเพื่อหาข้อมูลที่เชื่อมโยงกับสุสานฝั่งที่นายน้อยอู๋เสียบุกไป ถูกดูดลงไป เป็นความระทึกที่คู่ขนานไปกับเส้นเรื่องรักกุ๊กกิ๊ก (ที่นายเฮยไม่ยอมรับว่าตัวเองรักสักที 5555) ระหว่างนายเฮยเสียจื่อกับสาวใบ้คนเมืองที่บังเอิญมาทำงานในหมู่บ้านเดียวกัน ถึงจะเป็นเรื่องราวความรัก (มั้ง) กับตัวละครใหม่  แต่ก็เป็นการใส่ตัวละครใหม่ลงมาได้อย่างกลมกลืนมาก ดูแล้วไม่รู้สึกว่าน่ารำคาญหรือยัดเยียดเลยค่ะ น่ารักมากด้วยซ้ำ ดูไปเขินไป กี๊ดดด!

นอกจากจะได้ลุ้นเรื่องราวความรักของนายแว่นดำแล้ว ยังมีโบนัสพิเศษ คือลุ้นว่าชะตากรรมของสาวเจ้า ซึ่งดันมาปลูกต้นรักอยู่ในผลงานของหนานไพ่ซานซู ผู้ขึ้นชื่อด้านการฆ่าตัวละครหญิง จะมีชีวิตรอดไปจนจบซีซันหรือไม่อีกด้วย! เพราะฉะนั้นสำหรับคนที่มีชิปนายเฮยเสียจื่อกับคนอื่นอยู่ในใจแล้วก็ยังไม่ต้องเหี่ยวค่ะ ซีรีส์ยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพผู้หญิง ฮือๆ แงๆ

เฮยเสียจื่อ กับตัวละครใหม่ “สาวใบ้” ที่บังเอิญต่างคนต่างมาทำงานที่หมู่บ้านเดียวกัน

บรรดามุกตลกในเรื่อง แม้จะเปลี่ยนจากการขุดสุสานเพื่อขโมย ไปเป็นการขุดสุสานเพื่อปกป้องและอนุรักษ์วัตถุโบราณ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายของแก๊งขุดสุสานคนสถุล สุดเถื่อน มุกของหนานไพ่ซานซูก็ยังชั่วร้ายไม่เสื่อมคลายค่ะ (ชม) มีหลายฉากเลยที่จะได้ขำก๊ากจนน้ำตาไหล พร้อมกับอุทานว่ากล้าเล่นมุกนี้มาได้ยังไง! แล้วก็วนมาใช้ซ้ำ ขยี้แล้วขยี้อีก จนได้แต่ยกนิ้วให้ทั้งน้ำตา 5555

ในส่วนของเนื้อหาหลัก เราว่าทำออกมาให้เข้าใจง่าย แม้ไม่เคยดูหรืออ่านภาคอื่นๆ มาก่อนก็สามารถสนุกได้ (แต่ไม่รู้ว่าจะมีภูมิต้านทานกับมุกสไตล์เต้ามู่ฯ กันมั้ยนะคะ อันนี้แล้วแต่คนจริงๆ 55555) จะมีบางตอนที่อ้างอิงถึงตัวละครในภาคเก่าๆ บ้าง แต่ก็มีอธิบายในเรื่องพอเป็นพิธีอยู่ค่ะ (จริงๆ แกเนียนขายภาคเก่าค่า เหมือนได้ยินเสียงแว่วมาว่า “ถ้าสงสัยก็ไปซื้อนิยายมาอ่านซิจ๊ะ 😆” อยู่ตลอดเวลา)

ในฐานะคนที่ตามนิยายมาก่อน การที่มีบทให้พูดถึงตัวละครในภาคเก่าๆ ทำให้บรรยากาศของเรื่องขลังและรู้สึกว่าภาคนี้เชื่อมโยงกับจักรวาลเต้ามู่ฯ ได้สมจริงมากขึ้นเยอะเลยค่ะ โดยเฉพาะการเอ่ยถึงตัวละครสำคัญๆ ที่เคยร่วมเป็นร่วมตายกับพวกอู๋เสีย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ปรากฎในเรื่องตัวเป็นๆ แต่แค่การที่ตัวละครยังคงคิดถึงและพูดถึงก็ทำให้รู้สึกได้ว่านี่คือการให้เกียรติตัวละครเก่าๆ ได้มา “Reunion” ในโลกของฉงฉี่ฯ อย่างแท้จริงค่ะ

 

ด้านตัวละคร

ด้วยความที่หนานไพ่ซานซูนั่งแท่นอำนวยการเองและเขียนบทเอง จึงแน่ใจได้ว่า “บท” ของตัวละครที่ใช้ในเรื่องนี้ล้วนแล้วแต่ตรงตามคาแรกเตอร์ไม่บิดพลิ้ว ที่เหลือก็อาจจะมีจุดแตกต่างกันขึ้นกับการตีความตัวละครของนักแสดงและผู้กำกับ

ในภาคนี้จะได้เห็นมุมมองที่มีมิติมากขึ้น ทั้งอู๋เสียที่โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น สุขุมขึ้นกว่าเดิม เสี่ยอ้วนที่อ่อนไหว พรั่งพรูความในใจที่คาดไม่ถึงออกมา จางฉี่หลิงโหมดเศร้าซึม โหมดหงุดหงิด รวมทั้งเฮยเสียจื่อในเวลาที่เปราะบาง

เรียกได้ว่าอะไรที่ไม่เคยเห็นก็จะได้เห็นในภาคนี้ค่ะ 😭😭😭 (แต่บางอย่างก็ไม่อยากเห็นค่าาาา) ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทั้งหมดนี้เป็น (1) ส่วนพิเศษที่ใส่เพิ่มเติมเข้ามาเฉพาะในฉบับซีรีส์ หรือ (2) เป็นพัฒนาการตัวละครตามต้นฉบับในนิยายอยู่แล้ว …อันนี้ไม่ทราบเพราะยังไม่ได้อ่านนิยาย หรือ (3) ภาพตัวละครในหัวของผู้เขียนเป็นแบบนี้มาตลอด เพียงแต่ปกติฉบับนิยายจะเล่าผ่านมุมมองของอู๋เสีย จึงทำให้รายละเอียดบางอย่างตกหล่นไป พอนำมาทำเป็นซีรีส์ที่เห็นภาพทั้งหมดจึงสามารถเล่าได้รอบด้านมากกว่า อันนี้ก็แล้วแต่จะคิดตีความกันได้เลยค่ะ

ยังไงก็ตาม สำหรับเรา เราคิดว่าภาคนี้เป็นขุมทรัพย์ของแฟนๆ ที่เราจะได้รู้จักตัวละครขวัญใจของเราผ่านการเล่าเรื่องในมุมมองที่แปลกตาและหลากหลายมากขึ้น ซึ่งช่วยให้ตัวละครเหล่านี้มีมิติและมีความเป็นมนุษย์ขึ้นมาก และจะทำให้ตกหลุมรักพวกเขายิ่งกว่าเดิมแน่นอนค่ะ

 

ด้านการแสดง

ในส่วนของการแสดง ต้องยกนิ้วให้หลงเกอ หรือ คุณจูอี้หลง (นักแสดงผู้รับบทอู๋เสีย) ที่แสดงเป็นอู๋เสียออกมาได้เหมือนกับในนิยายมากกก! และการแสดงของหลงเกอก็ละเอียดยิบๆๆ ทุกการเคลื่อนไหวเป็นอู๋เสียทั้งหมด สามารถแสดงสีหน้าและอารมณ์อันซับซ้อนของอู๋เสียที่ออกมาได้อย่างดี รวมทั้งหลายๆ ฉากที่ต้องปรับอารมณ์เร็วมาก หลงเกอก็ทำได้ดีทั้งหมด หนูรักเขา! 😭❤️🤟

คุณเฉินหมิงเฮ่า (นักแสดงผู้รับบทนายอ้วนหวัง) ก็เป็นนายอ้วนที่เป็นนายอ้วนจริงๆ เลยค่ะ ไม่มีตรงไหนติดขัดหรือตะขิดตะขวงใจสงสัยว่าจะไม่ใช่นายอ้วนเลยค่ะ ทุกการกระทำของเขาเหมือนนายอ้วนที่หลุดออกมาจากหนังสือตัวเป็นๆ และฉากบู๊ ฉากบาดเจ็บเขาก็แสดงออกมาได้สมจริงมาก ในเวลาที่ต้องรับบทบ้าๆ บอๆ ก็แสนน่าร้ากกก

คุณหวงจวิ้นเจี๋ย (นักแสดงผู้รับบทจางฉี่หลิง) ในช่วงแรกๆ เราจะเอ๊ะๆ นิดหน่อย ว่าเขาเล่นบทจางฉี่หลิงได้ล้นเกินไปรึเปล่า ไม่ค่อยชินกับจางฉี่หลิงที่ยิ้มง่าย แสดงอารมณ์เยอะๆ ซึ่งก็ไม่แน่ใจนิดนึงว่านี่คือพัฒนาการตัวละคร หรือเป็นที่การตีความตัวละครของนักแสดงที่ต่างจากเรา แต่พอดูไปสักพัก ถึงตอนที่ลงสุสาน ก็พบว่าในการแสดงสีหน้าเพียงเล็กน้อยของจางฉี่หลิง กลับทำให้เรารู้ได้ทันทีว่าอันนี้คือจางฉี่หลิงตอนโมโหนะ อันนี้ตอนเศร้านะ อันนี้ตอนดีใจนะ ฯลฯ ซึ่งพอดูไปนานๆ แล้วดันรู้สึกว่าน่ารักชะมัด OTL และในการแสดง “น้อยแต่มาก” ของนักแสดงนั่นเอง ที่ทำให้เรารู้สึกว่าเขาแสดงออกทางสายตาได้เก่งมาก โพสท่าก็เท่ ดูไปสักพักก็ถูกจางฉี่หลิงคนนี้ตกเข้าแล้วละค่ะ

ด้วยความที่ดันเจี้ยน เอ้ย! สุสานใหม่ของภาคนี้มีความโหดหินทมิฬชาติอยู่ไม่น้อย มีหลายจุดที่ท้าทายฝีมือการแสดงของนักแสดงสามเหลี่ยมเหล็กมาก ไม่ว่าจะฉากปีนป่าย ฉากที่ต้องช่วยเหลือกันสามคนเพื่อให้ผ่านแต่ละจุดไปได้ หรือแม้แต่ฉากที่ต้องตัดสลับหลายๆ อารมณ์ ซึ่งทั้งสามคนก็แสดงออกมาได้ดีเยี่ยม เป็นอีกจุดที่เหนือความคาดหมายมาก สำหรับงานแสดงบนเว็บซีรีส์ที่ฉายให้ดูฟรีแบบนี้ เราประทับใจในภาคนี้มากจริงๆ ค่ะ

ตัวละครอื่นๆ ก็แสดงกันได้ดี ค่อนข้างชอบการแสดงของสาวใบ้ สามารถแสดงสีหน้ากลั้นน้ำตาได้เทพมาก ส่วนนักแสดงผู้รับบทเฮยเสียจื่อก็ได้โชว์สกิลในฉากที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นในภาคนี้ (ขออุบไว้ว่าเป็นอะไร รอไปค้นพบในเรื่องเองนะคะ)

นักแสดงในบทอื่นๆ ก็ดีค่ะ แต่เนื่องจากสกรีนไทม์ไม่เยอะมาก รวมทั้งเราก็ไม่ค่อยได้โฟกัสที่การแสดงของตัวละครอื่นได้มากพอ จึงขอข้ามไป และไม่ขอคอมเมนต์อะไรนะคะ

 

ด้านภาพ & เพลง

ภาพ สำหรับภาพและเทคนิคการถ่ายทำที่ใช้ เราว่าสุสานภาคนี้สมจริงมาก ซีจีก็ดี ไม่ลอยเหมือนเต้ามู่ฯ ภาคอื่นๆ การตัดต่อก็เข้าใจง่าย (แม้จะแอบเห็นซีนกระโดดและมุมภาพไม่สอดคล้องกันบ้างนิดนึง)

มีข้อเสียนิดหน่อย คือภาพมืดจังค่า เห็นความหล่อของตัวละครไม่ค่อยชัดดด เพราะแสงน้อยฉากต่อสู้เลยจะงงหน่อยๆ ว่าใครทำอะไร รวมทั้งใช้เทคนิคเหวี่ยงกล้องโกงความตายในฉากบู๊บ่อยมาก ทำให้ฉากต่อสู้ในบางท่วงท่าของตัวละครไม่ค่อยชัดเจน ยอมรับค่ะว่าอยากเห็นเค้าหล่อในทุกท่วงท่า

อันที่จริง พร้อปในฉากทำดีมากเลยนะ แต่ไม่รู้อีท่าไหน พอถ่ายออกมาเสร็จผ่านซีจีแล้วมืดจนมองไม่ชัด อดเห็นความสมจริงที่ทำมา เสียดายๆ

อันนี้ภาพตัวอย่างค่ะ
(↓↓↓ **Warning** ข้างล่างมีรูปศพและมอนสเตอร์ในสุสานนะคะ เปิดตอนกลางคืนระวังสะดุ้ง ถ้ากลัวก็ไถข้ามไปเลยค่ะ)

จะเห็นได้ว่ารายละเอียดที่ออกแบบไว้ชัดมากๆ เลย ไม่ก๊องแก๊ง แต่พอมาอยู่ในเรื่องแล้วดันไม่ค่อยเห็นเสียอย่างนั้น น่าเสียดายมากๆ!

เพลง สำหรับเพลงประกอบ ในเรื่องมีทั้งซีนดราม่าเรียกน้ำตาและซีนน่ารักกุ๊กกิ๊ก พอถึงฉากทำนองนี้ปุ๊บ เพลงก็จะมาทันที แน่นอนว่ารวมทั้งโมเมนต์ระหว่างอู๋เสียและจางฉี่หลิงของเขาด้วย ซึ่งก็ตามสไตล์เต้ามู่ฯ ที่ทำแบบนี้มาตั้งแต่ภาคแรกซีซันแรกแล้ว (ไม่เบื่อหรอกค่ะ แต่อาย แง้ 5555)

เราเพิ่งดูไป 16 ตอน ยอมรับว่ายังไม่ติดหูทั้งเพลงประกอบและเพลงพื้นหลังที่ใช้ในเรื่อง แต่มีเพลงคาแรกเตอร์ซองก์ที่ใช้อินเสิร์ตในเรื่อง (เพลงเต็มต้องไปหาฟังเอง) เพลงหนึ่งที่ดีมากๆ เพราะช่วยให้เข้าใจความคิดของอู๋เสีย คือเพลงนี้ค่ะ

ปกติเราจะชินกับการอ่านนิยายที่เป็นมุมมองของนายน้อยอู๋เสีย อู๋เสียในนิยายคิดอะไรอยู่ คนอ่านจะรู้แทบทั้งหมด แต่พอเป็นซีรีส์ที่เล่าด้วยภาพ เราที่เป็นคนดูจึงไม่รู้ว่าระหว่างแต่ละเหตุการณ์อู๋เสียเขาคิดยังไง พอได้ฟังเพลงนี้แล้วก็กระจ่างขึ้นค่ะ

…กระจ่างด้วย เศร้าด้วยค่ะ (/me ร้องไห้เหมือนหมา)

นอกจากนี้ยังมีเพลงของจางฉี่หลิง เพลงของนายอ้วน เพลงของสามเหลี่ยมเหล็ก เพลงของหลิวซั่ง กำลังทยอยออกมาเพื่อโปรโมตซีรีส์ระหว่างที่กำลังออนแอร์ รอติดตามกันได้ทางเวยปั๋วออฟิเชียลของซีรีส์ได้ค่ะ

 

สรุป

บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน ภาคฉงฉี่ฯ เป็นภาคที่ควรค่าแก่การดูอย่างยิ่งสำหรับแฟนๆ ผู้ชื่นชอบจักรวาลบันทึกจอมโจรแห่งสุสาน หรือเต้ามู่ปี่จี้ค่ะ และคนที่ไม่เคยดูหรืออ่านเรื่องราวภาคก่อนๆ ก็ยังสามารถสนุกไปกับเรื่องนี้ได้ เพราะมีการปูพื้นฐานที่จำเป็นเอาไว้ในเรื่องแล้วค่ะ (แต่ถ้ายังอยากเข้าใจลึกๆ ก็แนะนำให้อ่านนิยายให้ครบก่อนอยู่ดี)

ด้วยบรรยากาศการเล่าเรื่องที่ถอดมาจากนิยายเป๊ะๆ และการแสดงที่เฉียบคมของนักแสดงในเรื่อง ตลอดจนมุกใหม่ๆ และสุสานใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยตีพิมพ์มาก่อน (ยกเว้นคนไปอ่านนิยายฉบับออนไลน์มาก่อนแล้ว) จึงรับประกันความตื่นเต้นแปลกใหม่ไม่น่าเบื่อแน่นอนค่ะ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีคุณหนานไพ่ซานซู ผู้เขียนนิยายเป็นคนควบคุมการผลิตตลอดจนเขียนบทเอง จึงทำให้เราสามารถดูได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล ว่าเนื้อหาหรือตัวละครจะถูกดัดแปลงมากเกินไปจนจำเค้าโครงเดิมไม่ได้ เพราะอะไรที่คุณหนานไพ่ซานซูว่าดี เราก็ว่าดีค่ะ (กร๊าก)

ทั้งนี้อาจจะมีหลายๆ จุดที่ตัวละครแสดงออกต่างออกไปจากในนิยาย รวมทั้งการดัดแปลงรายละเอียดบางอย่างเพื่อให้สามารถออกอากาศได้ ถ้าผู้ชมสามารถยอมรับการปรับเปลี่ยนตรงนี้ได้ ก็สามารถสนุกไปกับเนื้อหาของภาคนี้แบบไม่คิดอะไรมาก เสมือนเป็นการ Restart ที่สดใหม่ได้อย่างบันเทิงใจค่ะ โดยส่วนตัวแล้วชอบมากๆ ค่ะ

…จริงๆ คือต่อให้ตรงไหนไม่เหมือนนิยายบ้าง แต่ถ้าคนเขียนบอกว่าโอเค ก็แสดงว่าการปรับเปลี่ยนอยู่ในจุดที่เจ้าของผลงานยอมรับได้ แฟนๆ อย่างเราว่าไงว่าตามกันค่ะ 👌

แถมให้ค่ะ อยากลงรูปเฉยๆ ไม่มีเหตุผลเป็นพิเศษ เพราะจางฉี่หลิงหล่อมากค่ะ อยากให้โลกรับรู้

 

ไปดู บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน ภาคฉงฉี่ฯ Reunion: The Sound of the Providence แบบถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง:
– แอปฯ และเว็บ iQIYI  : www.iq.com/play/2ffkws2vkdd

มีซับไทย/อังกฤษ/จีน
ลงให้ชมสัปดาห์ละ 4 ตอน (วันจันทร์, อังคาร, พุธ, พฤหัสฯ วันละ 1 ตอน) ฟรีสำหรับผู้ชมทั่วไป
และสัปดาห์ละ 6 ตอน (อังคาร, พุธ, พฤหัสฯ วันละ 2 ตอน) สำหรับผู้ชม VIP

– แอปฯ และเว็บ MONOMAX มีพากย์ไทย : www.monomax.me/title/102890_Reunion:TheSoundoftheProvidence.html

 

ช่วงหาเศษหาเลย: ถ้าผู้อ่านท่านไหนใจดี และยังไม่มียูสเซอร์สำหรับดู iQIYI สามารถช่วยสมทบ VIP ให้เราฟรี 5 วัน (ส่วนคนที่สมัครผ่านลิงก์นี้จะได้ VIP ไว้ดูเองฟรี 3 วัน) ด้วยการสมัครยูสเซอร์ iQIYI ผ่านลิงก์แนะนำของเรา ที่ลิงก์นี้ → สมัคร iQIYI ค่ะ …ยังไม่เคยลองเหมือนกัน ไม่รู้ว่าได้จริงมั้ย แต่ก็แปะไว้เผื่อได้ 5555

 

แล้วเจอกันบทความหน้านะคะ!☆

 

ปล. ข้อมูลส่วนใหญ่ โดยเฉพาะลำดับการดูแต่ละภาค เราเขียนจากความจำค่ะ ถ้าตกหล่นตรงไหนไปสามารถแจ้งได้ทางช่องคอมเมนต์ในบล็อกนี้ หรือแจ้งในโซเชียลของเรา (Facebook หรือ ทวิตเตอร์) ได้เลยนะคะ จะรีบทบทวนและแก้ไขโดยเร็วค่ะ

[Review+Scream] รีวิว “รวมพลังมาสค์ไรเดอร์ FINAL บิลด์ & เอ็กเซด และลีเจนด์ไรเดอร์” ฉบับแฟนเกิร์ล (ผู้ขี้ชิปอย่างไม่หวาดหวั่นแม้วันโลกล่มสลาย)

[Review+Scream] รีวิว “รวมพลังมาสค์ไรเดอร์ FINAL บิลด์ & เอ็กเซด และลีเจนด์ไรเดอร์” ฉบับแฟนเกิร์ล (ผู้ขี้ชิปอย่างไม่หวาดหวั่นแม้วันโลกล่มสลาย)

สวัสดีจ้ะ~☆

รอบนี้เป็นรีวิวที่เขียนไวๆ หลังดูเฮเซ’ไฟนอลฯ จบแล้ว พอมีเวลาว่างก็อยากรีวิวเลย เพราะยังเหลืออีก 1 รอบสำหรับกรุงเทพฯ และอีก 1 รอบ สำหรับ 4 จังหวัด ใครที่ยังลังเลจะได้มีตัวช่วยตัดสินใจค่ะ

หนังเรื่องที่เพิ่งไปดูมาและกำลังจะรีวิวในบทความนี้ คือภาพยนตร์รวมไรเดอร์ “รวมพลังมาสค์ไรเดอร์ FINAL บิลด์ & เอ็กเซด และลีเจนด์ไรเดอร์” หรือที่เราจะเรียกย่อๆ ว่า “เฮเซ’ไฟนอลฯ” ค่ะ แน่นอนว่าเป็นหนึ่งในภาคมูฟวี่ (ภาพยนตร์) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์มาสค์ไรเดอร์ที่เราตามอยู่อีกเช่นเคย

ตอนนี้เราก็ยังคงติ่ง มาสค์ไรเดอร์เอ็กเซด (Kamen Rider Ex-Aid) อยู่เช่นเดิมค่ะ และเพิ่มเติมคือไปตามดูภาค มาสค์ไรเดอร์บิลด์ (Kamen Rider Build) ซึ่งเป็นมาสค์ไรเดอร์ภาคถัดมาด้วย จึงทำให้ตอนนี้เราตามไรเดอร์ครบทั้ง 2 ภาคที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักของมูฟวี่ภาคนี้พอดีเลย รีวิวนี้ก็เลยจะพูดจาเป็นผู้เป็นคนกว่า รีวิวหนังรวมฮีโร่ภาคที่แล้ว นิดหน่อย แค่นิดหน่อยเท่านั้นค่ะ

เนื่องจากไปดูในฐานะแฟนเกิร์ล เพราะฉะนั้นรีวิวนี้จึงจะเน้นสครีมวี้ดว้าย และเป็นการรีวิวในมุมมองจากฝั่งผู้ชมที่เป็นสาวน้อยอีกเช่นเคย แน่นอนว่าจุดโฟกัสเราก็ยังมั่นคงอยู่ที่การมาโฮกผู้ชายเช่นเดียวกับทุกรีวิวที่ผ่านมาค่ะ เด็กและเยาวชนที่ดูในฐานะหนังฮีโร่ และแฟนๆ สายหนังแปลงร่างทั่วไปโปรดกำพระและจักรยานตลอดการรับชมรีวิวนี้ 55555

 

Review: Kamen Rider Heisei Generations FINAL: Build & Ex-Aid with Legend Riders

Kamen Rider Heisei Generations FINAL: Build & Ex-Aid with Legend Riders เวอร์ชั่นไทย

ชื่อภาพยนตร์: รวมพลังมาสค์ไรเดอร์ FINAL บิลด์ & เอ็กเซด และลีเจนด์ไรเดอร์
Kamen Rider Heisei Generations FINAL: Build & Ex-Aid with Legend Riders

วันที่เข้าฉาย: 7 เมษายน 2018
(ไปดูวันที่ 7-8 เมษายน 2018 โรงเอส เอฟ ซีเนม่า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ รอบ 12:00 น. ซาวนด์แทร็ก มีซับไทย)

 

**Warning**
– เนื้อหาทั้งหมดต่อจากนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว กรุณาใช้วิจารณญาณในการรับชม
– บทความนี้เป็นการรีวิวที่ไม่เหมือนรีวิวเสียทีเดียว หลักๆ น่าจะเป็นการสครีม (หวีดและกรี๊ดกร๊าด) มากกว่า และเราจะไม่พูดถึงเนื้อเรื่องในภาพยนตร์มากนักค่ะ
– เจ้าของบล็อกติดตามแค่มาสค์ไรเดอร์เอ็กเซด กับ มาสค์ไรเดอร์บิลด์ ไม่ได้ติดตามมาสค์ไรเดอร์รุ่นพี่ภาคอื่นๆ ที่มาปรากฏในภาคนี้เลย รีวิวนี้จึงเป็นความคิดเห็นจากฝั่งแฟนเอ็กเซดและบิลด์แค่สองเรื่อง ไม่สามารถให้ความคิดเห็นในส่วนของตัวละครจากเรื่องอื่นๆ ที่มาปรากฏตัวเท่าไหร่

– Spoiler Warning จะพยายามไม่สปอยล์เนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์มากนัก ส่วนไหนที่เป็นสปอยล์เราจะถมขาวไว้ แต่จะมีข้อความบางส่วนที่พาดพิงถึงตัวละครและเหตุการณ์สำคัญของซีรีส์มาสค์ไรเดอร์เอ็กเซดและมาสค์ไรเดอร์บิลด์ตอนที่ 14 ถ้ายังดูไม่ถึง กรุณากดปิดหน้านี้ทิ้งอย่างอ่อนโยนค่ะ
– เจ้าของบล็อกเป็นสาววาย สายออลเอออลและคิเอ เมนคิริยะ (เอ็กเซด) ส่วนในบิลด์เราขี้ชิปไปเรื่อยเปื่อย เพราะฉะนั้นจะสครีมแบบติดฟีลเตอร์สาววายแน่นอนค่ะ ใครที่ไม่ชอบความสัมพันธ์ของคู่ดังกล่าว กรุณาหลีกเลี่ยงและจัดการตัวเองค่ะ

 

ภาคนี้เป็นภาคที่ว่าด้วยการกู้โลกค่ะ คือกู้โลกกันจริงๆ เพราะโลกกำลังจะแตก มาสค์ไรเดอร์ทั้งหลายจึงต้องมารวมพลช่วยกันปราบตัวร้าย ทำลายเครื่องจักรกลที่กำลังจะทำให้โลกนี้ล่มสลาย อะไรทำนองนี้ แค่ฟังเรื่องย่อก็รู้แล้วว่าภาคนี้พล็อตแสนจะการ์ตูนโชเน็น (แนวการ์ตูนสำหรับเด็กผู้ชาย) แค่ไหน

อันนี้คลิปโฆษณาสั้นๆ ซับไทยที่ปล่อยออกมาตอนแรก เปิดตัวแคสต์และไรเดอร์ที่จะมีบทในภาคนี้ ไม่ได้เล่าเรื่องย่ออะไร แค่บอกให้รู้ว่าจะมีใครโผล่บ้าง แม้แต่พรีวิวสั้นๆ แค่นี้ก็ยังแสนจะโชเน็น เห็นแล้วเร่าร้อน พลังลูกผู้ชายพลุ่งพล่านเหลือเกินค่ะคุณขา

อันนี้เป็นตัวอย่างภาพยนตร์ฉบับซับไทย ถ้าคลิปนี้จะมีบอกเรื่องย่อด้วย ตื่นเต้นๆ ทุกคนเท่มาก

ภาคนี้ทาง DEX จัดรอบฉายแบบจำกัดโรงแค่ 3 รอบเท่านั้นค่ะ สองรอบแรก จัดวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 7-8 เมษายน ที่ผ่านมา และเพิ่มรอบพิเศษในวันอาทิตย์ที่ 22 เมษายนที่จะถึงนี้อีกรอบ (นอกจากนี้ยังมีรอบต่างจังหวัดที่ยังไม่คอนเฟิร์มการฉายในโรงภาพยนตร์ แต่มีเปิดให้ลงขันลุ้นฉายในโรงแต่ละจังหวัดอยู่)

สำหรับเราแล้วไม่มีอะไรให้ต้องลังเลค่ะ เพราะเป็นแฟนภาคเอ็กเซดไปแล้ว ภาคไหนมีเอ็กเซดเราก็ดูหมดค่ะ ยังไงก็ต้องดูให้ได้ …เลยจองตั๋วรอบกรุงเทพฯ ไป 2 วันเลยค่ะ ก็เลยได้สัมผัสบรรยากาศในโรงทั้งสองรอบ ซึ่งแม้ตัวหนังที่ฉายจะเหมือนกันเป๊ะ แต่บรรยากาศก็แตกต่างกันพอดูค่ะ ตรงนี้ขอเก็บไว้เล่าตรงส่วนท้ายบทความ ก่อนอื่นขอรีวิวเนื้อหาในหนังก่อนนะคะ

 

ด้านเนื้อเรื่อง

หูย ภาคนี้มันส์อะ บทสุดจะโชเน็นบอยแสนเร่าร้อน บู๊กระจายตามในทีเซอร์เลย ไม่รู้เพราะว่าภาคนี้เลือกลีเจนด์ไรเดอร์ (รุ่นพี่ไรเดอร์ในตำนาน) ที่เป็นพวกนิสัยบู๊เลือดร้อนมาแจมเสียเยอะหรือเปล่า เพราะพอมาอยู่ด้วยกันร่วมซีนเดียวกันแล้วทุกอย่างมันออกมาบ้าพลังมาก 5555

เนื้อเรื่องก็เป็นแนวปราบตัวร้ายที่คิดจะยึดครองโลกตามขนบของหนังฮีโร่เลยค่ะ เส้นเรื่องค่อนข้างตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรหักมุมเหนือความคาดเดา ส่วนที่สนุกของภาคนี้จึงอยู่ที่เหตุการณ์ระหว่างทาง ปฏิสัมพันธ์ของตัวละครจากต่างภาคที่ได้มาเจอกัน และฉากแอ็กชั่นล้วนๆ

เนื้อหาในภาคเฮเซ’ไฟนอลฯ นำเสนอด้วยแนวคิดของโลกคู่ขนาน ซึ่งมีอยู่นับพันใบที่ต่างก็ดำเนินอยู่ในเส้นเวลา (ไทม์ไลน์) ของตัวเอง และตัวร้ายของภาคนี้ก็เล่นใหญ่รัชดาลัย อยากรวมโลกคู่ขนานเข้าด้วยกันเพื่อให้ตัวเองได้พลังความเป็นอมตะมา ซึ่งหวยก็มาออกที่ โลกของมาสค์ไรเดอร์บิลด์ กับ โลกของมาสค์ไรเดอร์เอ็กเซด (+ไรเดอร์รุ่นพี่) ทำให้พวกเขาซึ่งเดิมทีอยู่คนละโลก เมื่อได้รับผลกระทบจากเครื่องข้ามมิติที่ตัวร้ายสร้าง ก็ทะลุมิติมาเจอกันได้นั่นเองค่ะ

จุดเด่นซึ่งเป็นจุดขายหลักๆ ของภาคนี้ก็ตามในทีเซอร์เลยค่ะ ภาคนี้มี ไบก์แอ็กชั่นซีน หรือฉากบู๊ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ของเหล่าไรเดอร์ให้ตื่นตาตื่นใจกัน

Kamen Rider Heisei Generations FINAL: Build & Ex-Aid with Legend Riders capture

ภาพฉากแอ็กชั่นบนรถมอเตอร์ไซค์ของเหล่าไรเดอร์ จากคลิปโฆษณาของช่อง DEXclub ค่ะ

ไม่ได้มีแค่ขับรถพุ่งลอยกลางอากาศแบบในทีเซอร์แน่นอน (อันนี้เห็นในซีรีส์หลักบ่อยแล้ว ^^”) แต่งานนี้ไรเดอร์ทั้ง 6 คน ควบรถแล่นเข้าไปไล่ตบตัวร้ายกันกลางถนนเลยค่ะ เป็นแอ็กชั่นแนวผาดโผน สู้บนรถ เบียด กระแทก กระโดดข้ามกันไปมา อะไรทำนองนี้ ซีนค่อนข้างยาว สมชื่อ “มาสค์ไรเดอร์” ที่ต้องมากับรถมอเตอร์ไซค์ทีเดียวค่ะ

จุดเด่นรองๆ ลงมาของภาคนี้ก็คงเป็นซีจีอลังการ ซึ่งไม่ถึงขั้นเนียนกริบแบบฮอลลีวูด แต่อัดซีจีมาเยอะมาก บ้าพลังมาก เน้นตื่นตาตื่นใจไม่เน้นเรียล การออกแบบเครื่องข้ามมิติของตัวร้ายทำออกมาน่ากลัวดีค่ะ หุ่นยนต์ทหารที่ออกมาขัดขวางดูเหมือนก็อปแปะวางซ้ำๆ ไปหน่อย (คุณภาพระดับเดียวกับซีจีทหารการ์เดี้ยนในทีวีซีรีส์ของบิลด์เลย) แต่พอออกมาเยอะๆ ก็รู้สึกอี๋ๆ เป็นภัยต่อโลกดีค่ะ คุณไรเดอร์ช่วยด้วย 5555+ โดยส่วนตัวชอบซีจีฉากที่โลกสองใบถูกดึงมาใกล้กันจนมองเห็นกันและกันได้ แล้วมาสค์ไรเดอร์ทุกคนก็ “บิน” ขึ้นไปช่วยกันถล่มเครื่องอีนิกม่าที่ใช้ข้ามและรวมมิติ ชื่นชมความเจ้าไอเดียของบทในภาคนี้ ที่เลือกให้ไรเดอร์แต่ละคนแปลงร่างเป็นร่างที่บินได้ เพื่อบินขึ้นไปถล่มบนฟ้าโดยเฉพาะ ฮือ เท่มาก T/////T

Kamen Rider Heisei Generations FINAL: Build & Ex-Aid with Legend Riders

สำหรับมาสค์ไรเดอร์ที่มารวมกันในภาคนี้ นอกเหนือจากบิลด์และเอ็กเซดซึ่งเป็นตัวดำเนินเรื่องหลักอยู่แล้วนั้น ยังมีการกลับมาของไรเดอร์รุ่นพี่ ประกอบด้วย มาสค์ไรเดอร์โกสต์, มาสค์ไรเดอร์ไกมุ, มาสค์ไรเดอร์โฟร์เซ, และที่สำคัญคือการกลับมาของ เอย์จิ และ อังก์ จาก มาสค์ไรเดอร์โอส

ซึ่งฉากที่แต่ละคนโผล่มา เท่มากๆๆๆๆ เราว่าตัวบทจัดซีนไว้ให้รุ่นพี่แต่ละคนดี๊ดีอะ ดูไม่เป็นการจับยัดลงมาแบบเน้นปริมาณหรือใส่ลงมาขำๆ แค่ให้หายคิดถึงแล้วจากไปดื้อๆ แต่ถึงกับตั้งใจปูบทมาเพื่อให้รุ่นพี่ได้มีซีนโชว์เท่ต่อหน้ารุ่นน้อง ดูแล้วรู้สึกพวกรุ่นพี่นี่พึ่งพาได้จังน่อ ปลื้ม ;////;

นอกจากนี้ยังจะได้เห็นการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวละครจากคนละภาค ได้เห็นพวกเขาพูดคุยกัน เกิดเป็นบทสนทนาแปลกๆ ที่ไม่มีวันได้เห็นในภาคหลักของแต่ละคน อันนี้เราว่าควรค่าแก่การจับตาดูทุกวินาทีในหนังเรื่องนี้เลยค่ะ

และสำหรับรุ่นพี่บางคู่ บางคน การมาปรากฏตัวในภาคนี้ ถึงกับเป็นการได้เคลียร์ปมที่ค้างคาใจจากภาคของเขาไปเปลาะหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ

สำหรับด้านความสมเหตุสมผลของเรื่อง เราว่าภาคนี้ทีมเขียนบทตั้งอกตั้งใจคิดสาเหตุและความเป็นมาในการรวมพลไรเดอร์ได้ดีทีเดียวนะ ในช่วงที่มีประกาศภาพยนตร์แรกๆ ตอนที่รู้ว่าโปรเจกต์รวมไรเดอร์ของปีนี้จะมีบิลด์กับเอ็กเซดเป็นตัวนำเรื่องร่วมกัน เราเองก็แอบสงสัยและเป็นห่วงอยู่นิดๆ ว่าเซตติ้งจะเข้ากันได้เหรอ เพราะเซตติ้งของเรื่องในซีรีส์หลักภาคบิลด์ มีการพูดถึง “สกายวอล” กำแพงประหลาดที่แบ่งญี่ปุ่นออกเป็น 3 เขตการปกครอง ซึ่งตามท้องเรื่อง สกายวอลในโลกของบิลด์ โผล่มาเป็น 10 ปีแล้ว O_O! แต่ในภาคเอ็กเซดตลอดจนไรเดอร์รุ่นพี่ทั้งหลาย แต่ละคนก็ดำเนินเรื่องอยู่ในโลกที่ไม่มีสกายวอลนี่นา ถ้าให้มาเจอกันแล้วจะคุยกันรู้เรื่องเหรอ?

Kamen Rider Build First Key Visual

ภาพจากคีย์วิชวลแรกสุดตอนเปิดตัวมาสค์ไรเดอร์บิลด์ “สกายวอล” คือกำแพงสีเทาๆ ที่มีหมอกควันและเรืองแสงสีแดงๆ ด้านหลังค่ะ

คำตอบคือ ก็ไม่รู้เรื่องน่ะสิ 5555

หนังโรงภาคนี้จึงให้ข้อยุติว่าบิลด์อยู่ในโลกคู่ขนานอีกใบ (ท่ามกลางโลกคู่ขนานอีกมากมายนับพันใบในจักรวาลนี้) โลกของบิลด์เป็นโลกคนละใบกับโลกของไรเดอร์คนอื่นๆ และประเทศญี่ปุ่นในโลกของบิลด์ก็เป็นประเทศญี่ปุ่นที่มีสกายวอล ในขณะที่ญี่ปุ่นในโลกของฝั่งเอ็กเซดและรุ่นพี่ทั้งหลายไม่มีสกายวอลนั่นเอง

เป็นอันยุติข้อกังขาเรื่องสกายวอล แถมยังเอาเรื่องข้ามมิติมาเป็นชนวนเหตุแห่งความวิบัติโลกล่มสลาย อันเนื่องมาจากการพยายามจะรวมโลกเข้าด้วยกันของตัวร้าย ซึ่งทำให้บิลด์และเอ็กเซดได้มาเจอกัน แถมเป็นวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ที่ทำให้ไรเดอร์รุ่นพี่ต้องมาปรากฏตัวเพื่อกอบกู้โลกอีกด้วย

เออ…เวิร์กเนอะ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ได้ทั้งพล็อตตัวร้าย ได้ทั้งแก้จุดที่ไม่ลงตัวระหว่างภาคเนียนๆ ไปเลย 55555

 

สำหรับแฟนบิลด์

เนื้อหาในหนังรวมไรเดอร์ภาคนี้ เกิดขึ้นหลังจากเนื้อเรื่องหลักตอนที่ 14 ซึ่งเนื้อหาในตอนนี้มีหลายสิ่งเกิดขึ้นมากมายจริงๆ ค่ะ เราพยายามนั่งดูย้อนแล้วก็ยังฟันธงไม่ได้อยู่ดีว่าเนื้อหาในหนังโรงภาคนี้มันลงล็อกกับช่วงไหนของซีรีส์หลักตอนนี้ (อ้าว) แต่เนื่องจากในหนังมีจุดสปอยล์เนื้อหาสำคัญของภาคบิลด์อยู่จุดหนึ่ง และมีไอเท็มเพิ่มพลังชิ้นหนึ่งที่ประดิษฐ์ขึ้นระหว่างตอนที่ 14 ถ้าจะไปดูให้ปลอดภัยแบบไม่เสียอรรถรส ยังไงก็แนะนำให้ดูบิลด์ให้ถึงตอนที่ 14 ก่อนแล้วค่อยดูภาคนี้อยู่ดีค่ะ

ส่วนที่เราชอบมากๆ และรู้สึกว่ามันลงตัวมากตั้งแต่ตอนที่เห็นโฆษณาเฮเซ’ไฟนอลฯ ท้ายตอนของทีวีซีรีส์บิลด์แล้ว คือเนื้อหาในซีรีส์ตอนที่ 14 เป็นช่วงที่ตั้งคำถามว่า “ถ้าการต่อสู้เพื่อความถูกต้องในความคิดของเรา แท้จริงแล้วเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการที่มีคนวางเอาไว้มาตลอด การต่อสู้นั้นจะยังเป็นการต่อสู้เพื่อความถูกต้องอยู่หรือไม่?” ซึ่งในซีรีส์หลัก คิริว เซ็นโตะ (มาสค์ไรเดอร์บิลด์) ก็ได้ให้คำตอบของเขาไปแล้ว แต่จะยังเหลือ บันโจว ริวกะ (มาสค์ไรเดอร์ครอสซ์) ที่ไม่สามารถทำใจได้ ทั้งนี้อาจรวมถึงผู้ชมเอง ที่ดูซีรีส์มาถึงตอนนี้แล้วอาจจะเคว้งๆ นิดหน่อย และกลับไปใคร่ครวญถึงโจทย์ที่ถูกโยนให้มา (ก็ใครจะไปใจแกร่ง คิดไว ทำใจเก่ง แบบเซ็นโตะกันอะ 5555)

ซึ่งเนื้อหาของภาพยนตร์เฮเซ’ไฟนอลฯ อันนี้ก็เลยพาเราไปทัศนศึกษาดูงานไรเดอร์รุ่นพี่กันซะเลย! ไปดูให้รู้ว่าไรเดอร์แต่ละคนเขาสู้เพื่ออะไรไปพร้อมๆ กับริวกะที่กำลังเคว้งคว้างและงงงวยหนักมากในเรื่อง (ฮา) ซึ่งเราว่ามันเป็นอะไรที่ตอบโจทย์และกลมกลืนกับเนื้อเรื่องหลักมากๆ และสามารถช่วยคลายความสงสัยในใจของคนดูได้ด้วย ฮือ เท่จัง รู้สึกฟินทางใจ

นอกจากนี้ ด้วยความที่หนังโรงภาคนี้ฉายที่ญี่ปุ่นในช่วงที่ทีวีซีรีส์บิลด์ก็ออนแอร์อยู่ ในตอนที่ 15 ของทีวีซีรีส์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ถัดมา (เกิดหลังจากเฮเซ’ไฟนอลฯ) ก็เป็นจุดหักเหสำคัญของเรื่องหลักด้วย นั่นทำให้ความรู้สึกจากการดูเฮเซ’ไฟนอลฯ ก่อนและหลังตอนที่ 15 เปลี่ยนไปเป็นคนละอารมณ์กันเลย

…เป็นการตลาดของโทเอย์เขาละ ที่มักจะปล่อยหนังออกมาคร่อมช่วงที่ภาคหลักกำลังจะเข้าจุดพีคหรือจุดหักมุมพอดี ทำให้ความรู้สึกที่มีต่อภาพยนตร์ก่อนและหลังดูซีรีส์หลักตอนใดตอนหนึ่งนั้นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที หลอกให้คนดูอยากดูซ้ำเพื่อเก็บรายละเอียดหลังจากได้รู้เนื้อหาจากซีรีส์หลักมากขึ้นชัดๆ T-T ซึ่งตอนมูฟวี่ภาคดร.แพ็คแมนฯ (รวมพล 5 มาสค์ไรเดอร์ ปะทะ ดร.แพ็คแมน) เมื่อปีก่อนก็ทำแบบนี้ พี่แกเล่นปล่อยภาคหนังโรงรวมไรเดอร์ออกมาฉายคร่อมก่อนและหลังเอ็กเซดตอนที่ 12 (ในตำนาน) เลยทีเดียวค่ะ …ร้ายเหลือเกิน T-T

สำหรับแฟนๆ ตัวละครจากภาคบิลด์ ตัวละครหลักของภาคนี้คือเซ็นโตะและริวกะ สองคนนี้มีบทออกเยอะมาก ส่วนมิโซระ เจ๊ซาวะ พี่หนวดเก็นโตคุ และคุณป๋ามาสเตอร์ มีบทกันประปรายแค่คนละซีนสองซีนสั้นๆ เท่านั้นค่ะ

เนื้อหาส่วนใหญ่จะอยู่ที่เซ็นโตะสลับกับริวกะที่ต่างฝ่ายต่างร่วมมือกับตัวละครจากฝั่งเอ็กเซด ช่วยกันตามหารังตัวร้ายเพื่อกอบกู้โลกภายในเวลาที่จำกัด ซึ่งระหว่างทางก็จะได้รับความช่วยเหลือจากบรรดาลีเจนด์ไรเดอร์คนอื่นๆ นั่นเอง

อ้อ คาซึรากิคุงก็มีบทบาทในแฟลชแบ็ก (ฉากย้อนอดีต) นะคะ คนนี้ค่อนข้างเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องเลยทีเดียว แถมยังทิ้งปริศนาเอาไว้เบาๆ ซึ่งจะเป็นคำใบ้ถึงเนื้อหาจุดสำคัญจุดหนึ่งในซีรีส์หลักของบิลด์อีกด้วยค่ะ (ตัวร้ายของภาคนี้ยังโดนเอาไปย้อมใช้ต่อในภาคหลักอีกต่างหาก แหม ดีไซน์ทีเดียวกินคุ้มยาวๆ เลยนะคะโทเอย์)

ตอนท้ายหลังเอนด์เครดิตมีเซอร์ไพรส์นิดหน่อย อย่าลืมรอดูจนจบนะคะ

 

สำหรับแฟนเอ็กเซด

คุณหมอไม่ค่อยเด่นในภาคนี้เลย ซึ่งก็ตามธรรมเนียมแหละเนอะ ว่าไรเดอร์คนปัจจุบันจะเป็นตัวชูโรงมากกว่า ส่วนไรเดอร์ภาคที่แล้วก็มาเป็นไรเดอร์ตัวรองของเรื่องในภาครวมไรเดอร์ของแต่ละปีไป

เส้นเรื่องส่วนของเอ็กเซด จะต่อเนื่องมาจากภาคหลัก (ซึ่งมีบิลด์มาปรากฏตัวในตอนท้ายภาค) → ภาคมูฟวี่ทรูเอนดิ้ง (ซึ่งมีบิลด์มาปรากฏตัวเช่นกัน) → แล้วจึงมาต่อด้วยเฮเซ’ไฟนอลฯ ซึ่งภาคนี้จะเป็นบทสรุปเหตุการณ์ทั้งหมดที่บิลด์มีส่วนร่วม (ในการสร้างความหายนะ 555) กับฝั่งเอ็กเซดค่ะ เรียกได้ว่าถ้าใครสงสัยในชะตากรรมหลังจากโดนต่ายบุกมาทำร้ายร่างกายไรเดอร์ของภาคเอ็กเซดอย่างอุกอาจ ต่ายทำไปทำไม แล้วต่ายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ก็ต้องตามมาดูภาคนี้ให้หายคาใจกันนั่นเอง

สำหรับคนที่ไม่ได้ดูเอ็กเซด ก็สามารถดูภาคนี้ได้รู้เรื่องเช่นกันค่ะ เพราะตอนต้นของเฮเซ’ไฟนอลฯ จะมีแฟลชแบ็กถึงวีรกรรมที่บิลด์เคยไปก่อไว้ในภาคเอ็กเซดให้ดูเช่นกัน

ตัวละครที่เด่นที่สุดในบรรดาตัวละครฝั่งเอ็กเซดทั้งหมด เห็นจะเป็น โฮโจ เอมุ (มาสค์ไรเดอร์เอ็กเซด) กับ พาราโดะ (มาสค์ไรเดอร์พาราดอกซ์ …ซึ่งไม่มีฉากแปลงร่างเป็นพาราดอกซ์ในภาคนี้ข่าาา *ซับหัวตา*) ทั้งสองคนนี้มีบทบาทสำคัญเท่าๆ กันเลยค่ะ แถมในภาคนี้จะได้เห็นพาราโดะในมุมใหม่ๆ หลังจากจบเนื้อเรื่องหลักอีกด้วย เมื่อพาราโดะกลับใจมาอยู่ฝั่งเอมุแล้วน้องนุ่งจะกลายเป็นคนแบบไหน ต้องมาดูกันนะคะ บอกเลยว่ากุมใจหนักมาก มีคะแนนเท่าไหร่เทใจให้น้องหมดค่า

สำหรับคุณหมอคนอื่นๆ รวมทั้งอาสึนะ/ป๊อปปี้ และนิโกะ สกรีนไทม์ในภาคนี้ค่อนข้างน้อยค่ะ แม้แต่พระเจ้า อย่าง ดัน คุโรโตะ (มาสค์ไรเดอร์เก็มมุ) ก็เถอะ นับวินาทีที่ออกกันได้เลย แต่เนื่องจากพระเจ้าคือพระเจ้า แม้จะมีจำนวนวินาทีที่ออกน้อย แต่ก็สามารถทำให้ตัวเองโดดเด่นกว่าปุถุชนได้เสมอ

บอกเลยว่าฉากที่ฮาที่สุดในเรื่อง ขำจนเหนื่อย ขำจนตัวโยน ก็มาจากฉากที่พระเจ้าออกนั่นแหละค่ะ ขอให้ทุกคนเตรียมใจเอาไว้ให้ดี ขำกันจนโรงสะเทือน ฮือ เราดูสองรอบ ก็ขำกันโรงสั่นสองรอบ ทุกคนเป็นบ้า คุโรโตะเป็นบ้า คนดูก็เป็นบ้า รอบแรกเราขำจนถึงกับอ่านซับไตเติ้ลไม่ทัน 55555555

นอกจากนี้ก็มีฉากน่าประทับใจที่ไม่หยิบยกมาพูดไม่ได้ อย่างฉากการทำงานร่วมกันของหมอๆ ในภาวะวิกฤติ เราจะได้เห็นทีมหมอ CR ทำงานร่วมกันแบบเข้าขากันสุดๆ ทุกคนรับส่งงานกันต่อเนื่อง ดูแล้วปลื้ม อยากเป็นคนไข้ (เอ๊ะ) T/////T ซีนนี้ใช้การถ่ายทำแบบ long take หรือการถ่ายยาวๆ ไม่ตัดต่อเลย ซึ่งมุมกล้องและการเคลื่อนกล้องก็ทำออกมาได้เท่มาก ขับให้การทำงานของคุณหมอทุกคนดูเท่ยิ่งขึ้นไปอีก ดูแล้วประทับใจ กุมใจหนักมาก รู้สึกทุกคนสมเป็นหมอมากเลยค่ะ! อยากวนดูเฉพาะฉากนี้ซ้ำๆ เลยทีเดียว มันดีงามมาก

นอกจากนี้ ยังมีส่วนที่ค่อนข้างจะเป็นจุดเล็กจุดน้อยสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่เราชอบและอยากยกย่องเป็นจุดเด่นของภาคนี้ด้วยเพราะความอวย คือ ฉากสู้ด้วยอาวุธในร่างคนของเหล่าคุณหมอเกมเมอร์ค่ะ

Kamen Rider Heisei Generations FINAL: Build & Ex-Aid with Legend Riders capture

Kamen Rider Heisei Generations FINAL: Build & Ex-Aid with Legend Riders capture

ฉากที่คุณหมอไรเดอร์แต่ละคนใช้อาวุธประจำตัวมาสู้กับเหล่าร้าย (ภาพจากคลิปโฆษณาของช่อง DEXclub ค่ะ)

ตามท้องเรื่องแล้วจะมีช่วงหนึ่งที่ เครื่องอีนิกม่า ซึ่งเป็นเครื่องข้ามมิติของตัวร้ายเริ่มทำงาน ส่งผลให้เข็มขัดเกมเมอร์ไดรเวอร์ของมาสค์ไรเดอร์จากภาคเอ็กเซดใช้การไม่ได้ บรรดาคุณหมอเลยต้องบู๊ด้วยตัวเอง (ส่งผลให้ริวกะงงเป็นไก่ตาแตก ว่าแปลงร่างไม่ได้แล้วสู้ต่อทำไม)

ฮือ ทุกคนเท่มาก เข้ากับอาวุธมากๆ ฮืออออ ชอบค่ะ หล่อออ ฉากเอมุจับอาวุธของตัวเองขึ้นสู้ก็ดี๊ดี มีฉากล้มด้วย เห็นหน้าเป็นแผลแล้วอยากช่วยซับเลือดให้ T~T

 

สำหรับแฟนโกสต์

อย่างที่บอกไปแล้วด้านบนๆ ว่าไรเดอร์ที่เลือกมาร่วมต่อสู้ในภาคนี้ เป็นลีเจนด์ไรเดอร์ที่ค่อนข้างบ้าพลังกันเสียส่วนใหญ่ ตัวตนของมาสค์ไรเดอร์โกสต์ที่เป็นคนเรียบร้อย ไม่ค่อยมีปากเสียง เลยดูจืดจางไปเลยค่ะ (ฮา) คือมีบทมั้ยก็มีนะคะ แต่ซีนต่อสู้รวม ทั้งฉากมอเตอร์ไซค์ และฉากช่วยกันทำลายเครื่องอีนิกม่า โกสต์เหมือนจมหายไปท่ามกลางพวกบ้าพลังเลยค่ะ ฮือ T-T

ฉากเด่นของโกสต์จึงไปอยู่ที่ร่างคน ที่ เท็นคูจิ ทาเครุ (มาสค์ไรเดอร์โกสต์) กับ โอนาริ คอยเป็นกำลังเสริมช่วยเหลือฝั่งคุณหมอระหว่างที่พวกคุณหมอแปลงร่างไม่ได้ ตรงนี้สืบเนื่องมาจากหนังรวมไรเดอร์ภาคก่อนที่สองคนนี้เคยเจอกับพวกเอมุมาแล้ว มาภาคนี้พวกเขาก็ยังคบหาเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกันดีอยู่เช่นเดิมค่ะ

และเนื่องจากเราไม่ได้ติดตามภาคโกสต์ จึงบอกไม่ได้เหมือนกันว่าความปลื้มปริ่มที่ได้เจอตัวละครในภาคนี้เป็นแบบไหน บอกได้แค่ว่าฉากที่ฮาที่สุดในเรื่องสำหรับเรา จะไม่ตลกขนาดนี้ถ้าไม่มีโอนาริค่ะ …ฮือ คนบ้า 55555555

Kamen Rider Heisei Generations FINAL: Build & Ex-Aid with Legend Riders pic

ภาพจากเบื้องหลังการถ่ายทำเฮเซ’ไฟนอลฯ ในบล็อกออฟิเชียลเว็บไซต์ของบิลด์ค่ะ

 

สำหรับแฟนไกมุ & โฟร์เซ

ขอจับรวบกัน เพราะเป็นภาคที่เราไม่ได้ดูทั้งคู่ และ…บทน้อยทั้งคู่ (ฮา) ลีเจนด์ไรเดอร์สองคนนี้เหมือนมาแค่ให้หายคิดถึง แต่…ไม่ได้มาแบบถูกๆ นะจ๊ะ แน่นอนว่าค่าตัวนักแสดงแพงมาก อันนั้นใช่ เราหมายถึงมาแบบเท่มากกก กรี๊ดดดด T-T ขนาดไม่ได้ดูสองภาคนี้ยังสัมผัสได้ถึงความเท่เลยอะ และทั้งคู่ก็สายบ้าพลังไง (โฟร์เซบ้าพลังกว่านิดหน่อย) ฉากบู๊ก็จะตูมตามๆ กินซีนชาวบ้านชาวช่องกันไปรัวๆ

ไรเดอร์ทั้งสองคนเป็นลีเจนด์ไรเดอร์ที่มาปกป้องโลกตามหน้าที่ฮีโร่เลยค่ะ คนหนึ่งมาเพราะเพื่อนเรียก (…จริงๆ นะ) อีกคนมาเพราะรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของโลก เลยรีบมาปกป้องโลกใบนี้ ตัวละครที่มีบทของฝั่งโฟร์เซ จะมี คิซารากิ เก็นทาโร่ (มาสค์ไรเดอร์โฟร์เซ), เจค (JK) และอาจารย์โอสึกิค่ะ ในส่วนของไกมุมีแค่ คาสึราบะ โคตะ (มาสค์ไรเดอร์ไกมุ) ปรากฏตัวแค่คนเดียว

นักแสดงทั้งคู่หล่อมากค่ะ! *ทำมือโอเค* พี่ฟุคุชิ โซตะ (นักแสดงผู้รับบทเก็นทาโร่) ทำผมทรงนี้ก็ยังหล่อจริงไม่ติงนัง หน้าหันข้างดีงามมาก โฮ เห็นแล้วใจสั่นนน

ส่วนคุณซาโนะ กาคุ (นักแสดงผู้รับบทโคตะ) ก็หล่อแนวสดใส มีฉากกระโดดเตะในร่างคนด้วย สมกับความสามารถของนักแสดงที่ตัวจริงก็เป็นหนุ่มสายแอ็กชั่นบู๊กระจายจริงๆ ค่ะ

ตอนท้ายมีชีวิตประจำวันหลังจากเป็นครูแล้วของเก็นทาโร่ และฉากชื่นชมโลกใบนี้ที่เลี้ยงดูเขามาของโคตะด้วยค่ะ ถ้าใครคิดถึงไรเดอร์สองคนนี้หรืออยากเห็นวิถีชีวิตต่อไปหลังจากเรื่องหลักจบเพิ่มเติม ก็มาดูได้ในภาคนี้ค่ะ

 

สำหรับแฟนโอส

ดูเถอะ… จริงๆ นะ นี่คือประโยคขอร้องเลย ภาคนี้ให้ซีนตัวละครจากภาคโอสมากๆ แม้จำนวนนาทีที่ออกไม่ได้เยอะแยะมากมาย แต่ทุกช็อตที่ได้กลับมายืนข้างๆ กันมันมีค่ามากสำหรับแฟนๆ สองตัวละครนี้ TwT

Kamen Rider Heisei Generations FINAL: Build & Ex-Aid with Legend Riders capture

ฉากกลับมาสู้เคียงข้างกันอีกครั้งของเอย์จิและอังก์ จากทีเซอร์
ขอโทษค่ะ แบบซับไทยแคปฯ ให้ชัดสุดได้แค่นี้ TwT (ภาพจากคลิปโฆษณาของช่อง DEXclub ค่ะ)

เราเพิ่งมาไล่ดูภาคโอสก่อนที่เฮเซ’ไฟนอลฯ จะฉายในไทยไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งเร่งดูให้จบไม่ทันวันฉายค่ะ (กร๊าก) แต่ก็พอรู้ตอนจบคร่าวๆ มาบ้างแล้วนะ เนี่ย ขนาดเราไม่ได้ดูจนจบยังอินไปกับเขาเลย ในหนังทำซึ้งจริงๆ ค่ะ ใจสั่นตั้งแต่วินาทีแรกที่เอย์จิออก ไปจนถึงฉากที่เปิดตัวอังก์ ไปยันฉากจบ น้ำตาซึมมม มันดีงามมาก ภาพสวยมาก ทุกอย่างสวยงามไปหมดเลย โฮฮฮ อินแรง ปลาบปลื้มไปกับแฟนๆ ของภาคนี้ด้วย T_T

ตัวละครจากโอสที่มาโผล่ในภาคนี้มีแค่ ฮิโนะ เอย์จิ (มาสค์ไรเดอร์โอส) กับ อังก์ เท่านั้นค่ะ แต่ถึงจะโผล่มาแค่นี้ก็ไปดูเถอะ นี่คือการขอร้องจากคนที่ดูโอสไม่จบด้วยซ้ำค่ะ T____T

 

สรุป

เป็นภาคที่แฟนๆ ไรเดอร์จะได้ร้อนรุ่มกระชุ่มกระชวยในหัวใจ ด้วยตัวบทที่ค่อนข้างตามขนบหนังฮีโร่ญี่ปุ่นอันคุ้นชิน ที่เพิ่มเติมเข้ามาด้วยฉากแอ็กชั่นที่อลังการกว่าปกติ คิดว่าไม่ว่าจะเป็นแฟนไรเดอร์ภาคไหน ก็คงเอนจอยไปด้วยไม่ยากเลยค่ะ

แต่สำหรับแฟนๆ ภาคบิลด์และเอ็กเซดก็จะได้ดูเนื้อหาเสริมที่เติมเต็มแก่เนื้อหาของภาคหลักมากขึ้น และแฟนๆ ลีเจนด์ไรเดอร์ก็จะได้พบกับไรเดอร์ในดวงใจกลับมาโลดแล่นในจออีกครั้ง โดยเฉพาะแฟนๆ ภาคโอสที่คงรอการกลับมาของเอย์จิและอังก์มายาวนาน ก็จะได้เห็นพวกเขาหวนคืนจอพร้อมกันสักทีในภาคนี้ค่ะ

นอกจากนี้ยังจะได้เห็นมุมแปลกๆ ของตัวละครต่างๆ เมื่อได้เจอกับคนจากต่างโลก เช่น เซ็นโตะที่อ่อนโยนกว่าปกติ เพราะคนที่อยู่ด้วยไม่ใช่ริวกะที่เซ็นโตะชอบแขวะอยู่เป็นประจำ (5555), พาราโดะ หลังจากกลับใจมาอยู่ฝ่ายคุณหมอแล้ว ซึ่งต้องไปผจญภัยร่วมกับเซ็นโตะในโลกที่ไม่รู้จักแทน, ริวกะโหมดเด็กหลงทาง คุยกับใครก็ไม่รู้เรื่อง, เอมุที่มีพัฒนาการจากหมอฝึกหัดเฟอะฟะสู่คุณหมออุดมการณ์สุดแกร่งจนแม้แต่ริวกะยังต้องทึ่ง, เอย์จิและเก็นทาโร่โหมดรุ่นพี่ที่มองไรเดอร์รุ่นน้องด้วยความเอ็นดู, เมื่ออดีตเจ้าอาวาสโคจรมาเจอกับพระเจ้า ฯลฯ  ทั้งหมดนี้คือสีสันของ รวมพลังมาสค์ไรเดอร์ FINAL บิลด์ & เอ็กเซด และลีเจนด์ไรเดอร์ ภาคนี้ค่ะ

สำหรับในด้านตัวบทของหนัง ภาคนี้เป็นภาคที่เล่นมุกและบทพูดที่ค่อนข้างจะ Geek และ Nerd มาก 55555 อาจจะเพราะไรเดอร์หลักเป็นบิลด์ ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ ตัวร้ายก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ ไรเดอร์รองของภาคนี้ก็เป็นเอ็กเซด ซึ่งเป็นหมอ (นี่มันสายวิทย์ทั้งหมดนี่นา!) และเนื้อเรื่องหลักของซีรีส์ทั้งสองภาคก็ดำเนินเรื่องกันแบบเข้มข้น แถมโทนเรื่องหลักเดิมเป็นสายข้อมูลแน่นกันทั้งคู่ด้วย จึงทำให้ตลอดการดูหนังภาคนี้ รู้สึกว่าต่างฝ่ายต่างมีดีเทลของภาคของตัวเองล้นเอ่ออยู่ตลอดเวลา รอเวลามาปะทะกันเพื่อให้ได้แลกเปลี่ยนอธิบายซึ่งกันและกัน

ซึ่งเมื่อถึงฉากที่ว่าในที่สุด… ทุกอย่างกลับเกิดขึ้นไวมาก  

พี่คะ หนูรู้ว่าพี่รีบ โลกจะแตกแล้ว แถมหนังโรงมีเวลาจำกัด ไหนจะต้องแบ่งบทให้รุ่นพี่ได้พูดบ้าง ฝั่งบิลด์กับตัวแทนฝั่งเอ็กเซดเลยต้องรีบคุยรีบเข้าใจงี้ เพราะจะรีบไปกู้โลกต่อแล้ว อันนี้เข้าใจ แต่ฉากที่ว่าไหลผ่านไปเร็วมากจนคนดูตามไม่ทันเลยค่าาา แบบเดี๋ยวนะ… เมื่อกี้คุยอะไรกันนะ น้องฟังมิทัน ทุกวันนี้ยังไม่ชัวร์ว่าคนฟัง (ในเรื่อง) ฟังเข้าใจรึเปล่าด้วย หรือเขาทำหน้าเออออไปอย่างนั้นเพื่อความลื่นไหลของเรื่อง 55555

อย่าว่าแต่คนที่ไม่ได้ดูทั้งสองภาคนี้ หรือดูแค่ภาคใดภาคหนึ่งมา เราที่ดูครบทั้งสองภาคยังอ่านซับไตเติ้ลช่วงที่เซ็นโตะคุยกับพาราโดะเรื่องเงื่อนไขการแปลงร่างเป็น “มุเทคิ” ของเอ็กเซดแล้ววิเคราะห์ให้ฟังว่าทำไมบิลด์ถึงเลือก “ทำแบบนั้น” ในตอนต้นเรื่องไม่ทันเลยค่ะ ดูสองรอบแล้วก็ยังงงอยู่ดี อันนี้ไม่รู้เพราะซับฯ หรือเพราะบทในเรื่องมันไวมากจนตามไม่ทันอยู่แล้ว (เอ๊ะ? หรือเพราะเราฉลาดไม่พอเอง 5555) แต่ถ้าไม่คิดมากเรื่องความไวของบทพูดระหว่างเอ็กเซด บิลด์ และตัวร้าย เราว่าก็ยังดูเข้าใจอยู่ค่ะ แค่จะมีเบลอๆ บ้างบางจุด

ส่วนอื่นๆ ในเรื่องก็ไม่มีจุดไหนที่ขัดใจเลยค่ะ บทสมูธจนไม่มีอะไรให้ติ (จริงๆ ก็มีนิดหน่อย เช่น ทำไมตัวร้ายถึงมีสองคนในต่างโลก แต่พวกตัวละครหลักอื่นๆ กลับมีแค่คนเดียวในโลกของตัวเอง แต่เนื่องจากไม่ใช่จุดสำคัญอะไร เราว่าเป็นสิ่งที่มองข้ามไปได้อะ)

ถ้าจะมีจุดที่รู้สึกหนืดบ้าง ที่เรารู้สึกว่ามันยังทำได้ดีกว่านี้อีกๆๆๆ คงเป็นการกำกับและตัดต่อ รวมไปถึงการให้น้ำหนักฉากต่อสู้ของเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่มีฉากไบก์แอ็กชั่นซีนสุดอลังการ กับฉากต่อสู้ร่วมกันของไรเดอร์ทั้งหมดที่เท่แสนเท่แล้วแท้ๆ แต่ตรงศึกสุดท้ายก่อนปิดฉาก กลับทิ้งท้ายด้วยการใช้ตัวละครหลักฝั่งไรเดอร์เพียง 2 คน กับฉากต่อสู้ยาวๆ ที่ไม่พลิกแพลงหวือหวาอะไรเท่าไหร่ ตรงนี้ทำให้แอบง่วงอยู่นิดหนึ่ง

อีกจุดคือการผูกเรื่องให้ไรเดอร์แต่ละภาคมารวมกัน เราว่ามันอยู่ในเซฟโซนเกินไปหน่อย หลายๆ สิ่งที่คนดูคาดหวังจากเรื่องนี้ตั้งแต่เห็นรายชื่อไรเดอร์ที่มารวมพลกัน กลับไม่มีให้เห็นในภาพยนตร์ ถึงแม้เราจะบอกว่าจุดที่สนุกของภาคนี้คือการที่ให้ตัวละครจากต่างภาคมาเจอกัน และมีปฏิสัมพันธ์ที่ทำให้ได้เห็นแง่มุมที่แปลกออกไปจากเดิมของตัวละครแต่ละตัว แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วเราว่ามันยังสามารถเจอกันได้มากกว่านี้อีก หากวางมวยให้ถูกคู่ก็จะส่งให้หนังป่วงและตลกได้มากกว่านี้ แต่ตัวหนังกลับเลือกที่จะเลี่ยงการพบเจอกันของตัวละครหลายๆ คู่ไปอย่างน่าเสียดาย เช่น การปะทะกันของพระเจ้า VS พระเจ้า (ไกมุ VS เก็มมุ) ที่แฟนๆ คาดหวังกันมาตั้งแต่ทีเซอร์ ก็ต้องผิดหวังกันไปนาจา พระเจ้ากับพระเจ้าไม่ได้เจอกันนาจา…

(แต่ก็ไม่แปลกใจ เพราะบางตัวละครถ้าได้เจอกันขึ้นมาคงทันเกมกันมากเกินไป หรือไม่ก็ทับไลน์กัน จนทำให้เกิดเส้นเรื่องวุ่นวายเพิ่มขึ้นมาอีก หนังอาจจะต้องยาวกว่านี้อีก แค่นี้ก็แน่นแล้วเด้อ)

โดยรวมแล้วเราว่าภาคนี้เดินตามสูตรสำเร็จหนังฮีโร่ญี่ปุ่น มันเลยอยู่ในจุดปลอดภัยที่ไม่มีความเสี่ยงหวือหวาว่าจะขัดกับพล็อตหลักของเรื่องไหน ไม่มีความป่วงที่มากจนเกินไปจากการรวมตัวละครหลายๆ ภาคให้มาเจอกัน และไม่มีประเด็นทางด้านศีลธรรม-จรรยาบรรณอะไรให้ถกมากมายด้วย ดูเอามันส์กับเอาฟินที่ตัวละครที่เราชอบโผล่มาล้วนๆ ซึ่งในส่วนนี้ตัวหนังสามารถตอบโจทย์ได้ดีมากๆๆๆๆ และส่วนที่เหลือคือความคอมพลีตในชีวิตติ่งที่ได้ดูเนื้อหาต่อเนื่องหลังจากภาคหลักจบ (สำหรับลีเจนด์ไรเดอร์) และความคอมพลีตของเนื้อหาที่มากขึ้นกว่าการดูแค่ทีวีซีรีส์ (สำหรับสองไรเดอร์หลัก บิลด์และเอ็กเซด) ในภาคนี้นั่นเองค่ะ

เพราะฉะนั้นจุดเด่นของภาคนี้คงไม่ใช่ “เนื้อหา” แต่มันคือ “ความฟิน” ที่ได้ดูพวกเขามาอยู่บนจอภาพยนตร์กันอย่างอลังการ ซึ่งก็สมกับชื่อภาค เฮเซเจเนอเรชั่น “ไฟนอล” ดีนะคะ☆

ตอนนี้ยังเหลือรอบฉายอีก 1 รอบในกรุงเทพฯ คือรอบวันที่ 22 เม.ย. [Link] ส่วนรอบต่างจังหวัดตอนนี้ยังเปิดให้ลงขันกันอยู่ (ลงขัน = ระบบ crowdfunding รูปแบบหนึ่ง) ใครอยากดูไปหย่อนลงขันให้ไว ทางนี้เด้อ [Link])
 

รีวิวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (มั้ง) :

 

รีวิวส่วนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับตัวหนัง พูดถึงบรรยากาศในโรงแต่ละรอบ และความขี้ชิปของตัวเราเอง สนใจอันไหน เลือกกดดูในนี้ได้เลยค่ะ ↓↓↓

บรรยากาศในโรง รอบวันเสาร์ที่ 7 เม.ย. *มีสปอยล์บางฉากสำคัญ ถ้ายังไม่ได้ดูไม่ควรอ่านค่ะ*

รอบวันเสาร์ที่ 7 เม.ย. เป็นรอบแรกสำหรับการฉายโรงไทยค่ะ ระบบการจำหน่ายของตั๋วหนังของเฮเซ’ไฟนอลฯ นี้ จะใช้วิธีการกดซื้อจากเว็บ Shop.DexClub แล้วพอถึงวันฉายก็ไปแสดงบัตรประชาชนเพื่อรับบัตรหน้างานค่ะ

วันแรกคิวรับบัตรยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก คิดว่าทางผู้จัดก็คงไม่คาดคิดว่าคิวรับบัตรจะยาวอลังการขนาดนี้เหมือนกัน จึงเตรียมการไม่ทัน ก็ต่อคิวกันไปทั้งแบบนั้นค่ะ ทาง DEX ก็รับผิดชอบด้วยการเลื่อนเวลาฉายออกไปประมาณ 30 นาที คนที่ได้ตั๋วแล้วก็ไปนั่งรอในโรงก่อนได้ ส่วนคนที่ยังต่อคิวก็รอรับบัตร แล้วเข้าไปชมพร้อมกันเมื่อถึงเวลาค่ะ

พอรับบัตรแล้วเราก็เข้าโรงไปพร้อมกับเพื่อนๆ บรรยากาศในโรงค่อนข้างคึกคักทีเดียวค่ะ มีทั้งกลุ่มที่มากันเป็นครอบครัว มีทั้งกลุ่มวัยรุ่น คู่รักที่เป็นแฟนกันมาดูก็มีค่ะ ได้ยินข่าวมาว่าวันนั้นตรงกับวันจัดมีตติ้งของกลุ่มคนรักคาเมนไรเดอร์บนเฟสบุ๊ก (แต่เราไม่ได้ไปร่วมนะ) รอบนี้จึงคึกคักกันกว่าปกติหน่อย เข้าใจว่าคงเป็นเพราะรวมกลุ่มกันจองไปหลายที่นั่งในโรง จึงทำให้บรรยากาศเป็นกันเองเผื่อแผ่มาถึงคนนอกด้วย (?)

ทีแรกคิดว่าจะน่ากลัวค่ะ แต่พอดูไปสักพัก กลับคิดว่าสนุกดี เพราะถึงแฟนๆ ไรเดอร์ที่รวมกลุ่มกันมาดูจะมีจำนวนเยอะ (มั้ง…ฟังจากเสียงเอา) แต่เอาเข้าจริงแล้วเขาก็ส่งเสียงเชียร์และปรบมือกันเฉพาะฉากเปิดตัวไรเดอร์แต่ละคน หรือซีนที่สำคัญมากๆ เท่านั้น ซึ่งตามบทบาทในเรื่องก็ทำออกมาเท่แสนเท่จนรู้สึกว่าสมควรได้รับเสียงฮือฮาอยู่แล้วด้วย จึงไม่รู้สึกว่าเป็นการรบกวนแต่อย่างใดค่ะ นอกจากนี้ก็เป็นฉากตลกทั้งหลาย ที่ขำกันสุดเสียงมากๆ ถึงกับแอบเห็นเงาคนลุกขึ้นปรบมือให้ฉากพระเจ้าด้วย ซึ่งไม่ใช่ปฏิกิริยาที่โอเวอร์เกินไปเลยค่ะ เพราะบทในหนังก็ตลกเบอร์นั้นจริงๆ ฮือ ขำโรงแตกกก

จุดที่สนุกอีกอย่างหนึ่งคือช่วงที่เอนด์เครดิตขึ้น จะเป็นเมดเล่ย์รวมเพลง OP ของไรเดอร์แต่ละคน ด้วยความที่เป็นเพลงที่รู้จักกันดีในหมู่แฟนของแต่ละภาคอยู่แล้ว แฟนๆ ของไรเดอร์แต่ละภาคก็จะร้องเพลง OP ของภาคนั้นคลอไปด้วย เพลงที่มีเสียงร้องตามดังมากๆ เห็นจะเป็นภาคบิลด์ ตามมาด้วยภาคเอ็กเซด และไกมุ ที่เหลือก็สูสีกันเลยค่ะ แสดงว่ารอบนี้แฟนๆ จากภาคใหม่เยอะทีเดียว แต่ก็เป็นบรรยากาศที่ดีมากๆ เลยค่ะ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ในทีแรกเลย

นอกจากนี้ จุดพีคอีกอย่างของโรงรอบนี้ คือในฉากหลังเอนด์เครดิต เป็นฉากการปรากฏตัวของไรเดอร์คนหนึ่ง ซึ่งทันทีที่มีเงาโผล่ออกมาโฉบขวดไป ก็มีเสียงร้องด้วยความทึ่ง และเสียงปรบมือต้อนรับไรเดอร์คนนี้

และทันทีที่ภาพจับที่ไรเดอร์คนนั้น เสียงปรบมือประปรายก็เปลี่ยนเป็นเสียงตบมือเข้าจังหวะ พร้อมเสียงเชียร์

\ มี่ตัน! /
\ มี่ตัน! /
\ มี่ตัน! /
\ มี่ตัน! /

ใช่เลยค่ะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครมา 555555 ฮืออออออ เป็นความทรงจำอันน่าประทับใจน้ำตาไหลของโรงรอบนี้ เชียร์สนุกมากเลยค่ะ ← เอากับเขาด้วย

แถมยังติดใจเข้าซะแล้ว จนพักนี้เผลอคิดบ่อยๆ ว่าหนังแนวนี้ควรมีรอบที่ส่งเสียงเชียร์ได้ขึ้นมาเลยค่ะ XD

อ้อ รอบหนังของ DEX นี้ ทุกที่นั่งจะได้โปสเตอร์ฟรี 1 แผ่น แถมมาพร้อมบัตรเป็นม้วนๆ ซึ่งขนาดค่อนข้างข้างใหญ่เลยทีเดียว (แอบพกไปเที่ยวต่อลำบาก) พอกางออกมาแล้วตกตะลึงในความอลังการ เห็นขนาดเต็มแล้วเข้าใจเลยว่าทำไมม้วนถึงใหญ่ เป็นโปสเตอร์รุ่นภาษาญี่ปุ่นล้วนด้วยนะ ไม่มีโลโก้ไทยแทรก เหมาะแก่การสะสมสุดๆ

บรรยากาศในโรง รอบวันอาทิตย์ที่ 8 เม.ย. *มีสปอยล์บางฉากสำคัญ ถ้ายังไม่ได้ดูไม่ควรอ่านค่ะ*

รอบวันอาทิตย์ที่ 8 เม.ย. คือรอบที่สองของการฉายโรงไทยค่ะ รอบนี้การจัดการเรื่องบัตรเป็นระเบียบและคิวไหลไวกว่ารอบแรกเยอะมาก ขอชื่นชมค่ะ

บรรยากาศในโรงรอบนี้ค่อนข้างสงบเรียบร้อยกว่ารอบที่แล้ว ซึ่งก็เหมาะสำหรับเราที่ดูสองรอบ รอบนี้จะได้ใช้สมาธิในการดูแบบเก็บรายละเอียดไปเลย

ถึงโรงจะเงียบสงบ แต่ที่นั่งก็ค่อนข้างเต็มเลยนะคะ มองลงไปไม่เห็นที่นั่งว่างเท่าไหร่ (แต่มีที่นั่งฟันหลอนิดนึง อาจจะเพราะมีคนเทบัตร) ยินดีกับค่ายผู้นำเข้ามาฉายจริงๆ ค่ะที่คนมาดูกันอุ่นหนาฝาคั่งแม้จะเป็นการฉายวันที่สองแล้วก็ตาม

รอบนี้ไม่มีเสียงเชียร์ในฉากเปิดตัวใดๆ ค่ะ แต่มีเสียงฮือฮาตามเนื้อหาของหนังเหมือนกับโรงภาพยนตร์ทั่วไป จุดที่เหมือนกันของรอบนี้กับรอบที่แล้ว คือฉากพระเจ้า ยังคงฮาโรงแตกเหมือนเดิม แค่ฟังเสียงหัวเราะในโรงก็รู้แล้วว่าขำกันจนหมดลมจริงๆ ขำกันแทบหายใจไม่ทัน ฮือ ดีจังเลยนะ ที่ถึงแม้จะไม่ใช่โรงที่มีเชียร์ แต่ทุกคนก็ยังขำกับจุดปล่อยมุกของเรื่องเช่นกัน สนุกไปคนละแบบนะ

อ้อ ในรอบนี้มีเสียงร้องเพลงคลอแค่นิดหน่อยค่ะ มีเสียงร้องคลอช่วงเพลง OP ของภาคโอสกับบิลด์สูสีกันเลย แต่ของโอสจะปนเสียงสะอื้นนิดหน่อย ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าแฟนๆ ภาคโอสมาดูรอบวันอาทิตย์กันเยอะทีเดียวค่ะ ส่วนภาคที่เหลือก็กระจายๆ กันไป

จะว่าไป ก็มีฉากเปิดตัวเอย์จิ กับฉากเปิดตัวอังก์นี่แหละ ที่เสียงเชียร์และเสียง “โอ้โหหห!” ของรอบนี้ดังชัดเจนยิ่งกว่ารอบแรกอีก ส่วนฉากเลียไอติมในตำนานก็เรียกเสียงฮือฮาได้มากมายเลยทีเดียว ทำให้รู้ว่าแต่ละซีนที่โอสออกมา เป็นซีนที่มีพลังจริงๆ ค่ะ (เอ้อ เรานี่ก็ใส่ใจเรื่องชาวบ้านใช้ได้เหมือนกันเนอะ 55555)

สำหรับสาววายและแฟนเกิร์ล *มีสปอยล์บางฉาก สำคัญบ้างไม่สำคัญบ้าง เน้นฉากโมเมนต์ ถ้ายังไม่ได้ดูหรือไม่อยากโดนสปอยล์โมเมนต์ก็ไม่ควรอ่านค่ะ*

ตามคอนเซปต์ของบล็อกรีวิวเยี่ยงแฟนเกิร์ล เราจึงขาดการหวีดผู้ไปไม่ได้ ก่อนอื่นรบกวนอ่านคำเตือนตรงต้นบทความให้ดีก่อนนะคะ เพราะเราจะหวีดจากมุมมองของเรือเราอย่างเดียว และเผือกเรือชาวบ้านด้วยนิดหน่อย ถ้ารับไม่ได้ควรหยุดตั้งแต่ตรงนี้ค่ะ XD

• ฉากเปิดตัวเอมุ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เธออออออออออ! เปิดตัวมาเดินได้สองสามก้าว ก็ไปกับเลเซอร์เลย ฮืออออออออออออออออออออออออออออออออออ ปลื้มปริ่มมากๆ เลยค่ะ ฮืออออออออออออ TT_________________________TT ทำไมเค้าสนิทกันดีจัง รู้ใจเกินไปแล้วป่ะ ทำไมมมม ทำไมมมมม นี่มันอะไรรรรรรร อย่าทำแบบนี้กับใจหญิงงงง!

• ชอบเลเซอร์เลเวล 2 มาก ดีใจมากที่มีร่างนี้ในหนังโรง! แถมคนขี่เป็นเอมุ! ไม่มีอะไรจะน่าดีใจกว่านี้อีกแล้ว

• ซะที่ไหนล่ะ ดูต่อไปอีกก็มีที่น่าดีใจกว่านี้อีก! เป็นฉากที่เอมุแปลงร่างไม่ได้ (เพราะโดนดูดพลังเอ็กเซดไปตอนต้นเรื่อง) เลยหันไปมองคิริยะแบบทำไงดี บ้าเอ๊ย ใจเต้น! ใจเต้นหนักมาก แล้วต่อจากนั้นเป็นฉากแปลงร่างของคิริยะ ซึ่งคิริยะยกแขนขึ้นกันเอมู้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว


ภาพจากเบื้องหลังการถ่ายทำในเฮเซ’ไฟนอลฯ ในบล็อกออฟิเชียลเว็บไซต์ของบิลด์ค่ะ

แบบเดียวกับในภาคหลักตอนสุดท้ายอะ ที่ยกแขนขึ้นกันเอมุที่แปลงร่างไม่ได้ ฮืออออออออออออออออออออออออ กรี๊ดดดด เป็นคู่หูกันต้องปกป้องกันขนาดนี้ อี๊ยยยย์ ขอยาดมมม! ตอนดูในโรงแทบจะกินเบาะรองแขนไปแล้วเด้อ อยากลุกขึ้นกรี๊ดบอกทุกคนว่านี่เรือหนูว นี่เรือหนูว เห็นโมเมนต์มั้ยคะ นั่นไงคะโมเมนต์ มันดีงามใช่มั้ยละคะๆๆๆๆ

• ตอนแปลงร่าง คิริยะแปลงร่างแบบหันหลัง เพราะฉะนั้นหลังแปลงร่างเสร็จแล้วเลเซอร์เทอร์โบจะหันหน้าเข้าหาเอมุ อย่างกับสบตากันอยู่เลย ใจ…น้อง…ไม่ไหว…แล้ว *เขียนดายอิ้งเมสเซจ*

• ที่เหลือต่อจากนั้นก็มีฉากที่คิริยะออกมายืนอยู่ด้านหน้ารับการโจมตีของไรต์ไคเซอร์ อันนี้ยืนรวมๆ แต่พอดียืนตรงกับเอมุ ฉันก็จะเอามาหวีด กรี๊ดเล็กกรี๊ดน้อยฉันก็เอา

• คุณไทกะวอแวฮีโระทุกฉากเลย คุณฮีโระจะคุยกับเอมุก็จะมีไทกะโผล่มาคุยด้วยตลอด 5555555

• แล้วไทกะเป็นอะไร ทำไมดูโมโหกราดเกรี้ยวใส่นิโกะตลอดเวลา พวกเธอเป็นอะไร ทะเลาะอะไรกันมา คุยกันดีๆ

• ฉาก long take ที่คุณหมอทำงานด้วยกันเท่มากๆ จะเป็นลม อยากลูปดูตลอดไป ทุกคนดูมืออาชีพมากๆ ถ่ายทำก็เท่ ชมแล้วก็จะชมอีก ชมวนๆ ไปเรื่อยๆ และใช่ค่ะ คู่ชิปเราคุยกันอีกแล้วค่ะ อ่ากๆๆๆๆๆๆๆ

• ตรงนี้แอบ แหมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม ใส่คิริยะนิดหน่อยตรงฉากที่พูดพร้อมกับนิโกะ เอ้า แหมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

• ภาคนี้แอบสงสารพาราโดะ อัลลัยคือพาราโดะหายไปเป็นอาทิตย์ แต่พี่หมอเอมุไม่คิดจะตามหาแถมบอกฮีโระด้วยน้ำเสียงเหมือนบ่นลมฟ้าอากาศ 55555 ในขณะที่วันเวลาในโลกบิลด์ที่พาราโดะหลงไป เวลาเดินไปสองปีแล้ว สองปีที่ไม่มีเอมุอะ! ทั้งๆ ที่น้องติดเอมุมากๆ แท้ๆ โฮฮฮ หนูลูกกกก! แล้วพอติดต่อสื่อสารกับเอมุได้เป็นครั้งแรก เอมุดันถามว่าหายไปไหนมาอาทิตย์นึง เพราะเวลาฝั่งเอมุเพิ่งเดินไปได้แค่อาทิตย์เดียว น้องก็ดูช็อกๆ ไป แต่เราช็อกกับคำถามของเอมุมากกว่าอีก โอ้ย คิดว่าไปไหนอะ ก็ไปตามหาพลังคืนมาให้เอ็งเนี่ยแหละ เอมุเอ๊ยยย *ดมยาดม*

• ตลกรอยยิ้มคิริยะตอนรู้ว่าเอมุติดต่อพาราโดะได้แล้ว คนนี้ดูดีใจกว่าเจ้าตัวอีกค่ะ

• ภาคนี้พาราโดะเป็นเด็กดีใสใส และเป็นลมบ่อยมาก ให้ต่ายประคองแบกไปแบกมา มีฉากนั่งซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ของต่ายด้วย ฉากนี้ดีมากเลย เหมือนพาหมาพุดเดิ้ลยักษ์ขนสีดำๆ ไปส่งเจ้าของ โอ้ย น่ารักกกกกกกกกก

• ชอบตอนพาราโดะเถียงกับต่าย ชอบความมุกตึ่งโป๊ะ ชอบสีหน้าพาราโดะที่อึ้งไปนิดนึงก่อนจะตอกกลับไป ตาหลกกก มุกสามบาทห้าบาทเอกลักษณ์ของบิลด์ พอเอามาเล่นกับพาราโดะแล้วมันตลกอะ เหมือนพี่ต่ายแกล้งเด็กหกขวบ (เอ๊ะ หรือในไทม์ไลน์นี้ต้องนับเป็นสิบขวบแล้ว 5555555)

• ต่ายกับพาราโดะอิสกู้ด

• ป๊อปปี้มีบทไม่เยอะ แต่ชอบที่ทุกฉากของป๊อปปี้จะเกี่ยวข้องกับคุโรโตะ คุโระป๊อปดีค่ะ (ใช่ค่ะ นี่ก็เรือหนู) ฉากตอนจบน่าร้ากกกก คุโรโตะสายคิวต์ แบ๊วๆ

• คิริยะรุนแรงกับคุโรโตะมากอะ กลัว แต่พอคิดว่าในเนื้อเรื่องหลักก็เคยฆ่าเอาๆ มาแล้ว แค่กระโดดเบิ๊ดหัวพระเจ้าคงไม่เท่าไหร่หรอก

• ฮีโระตอนจบตลก 55555555555555555555555555555555555555555555555555555 คุณชายขี้เก๊กพอหน้าเหวอแล้วกลายเป็นโทชิกิคุง (นักแสดงผู้รับบทฮีโระ) ไปเลย คุณชายสายรั่วหน้านิ่งอะ แง้ ชอบๆ

• ภาคนี้ไม่ค่อยต่ายมัง/มังต่ายเลย เพราะสองคนนี้แยกกันไปสู้อยู่คนละโลก กว่าจะได้กลับมาเจอกันก็ท้ายๆ เรื่องแน่ะ …แต่นอนเตียงเดียวกันนะ อิ

• ประทับใจความวอแวคาซึรากิของพี่หนวดเก็นโตคุ พี่เป็นอับดุลผู้รอบรู้ทุกเรื่องของคาซึรากิ ถามได้ตอบได้ แหมๆ ทำไมรู้เยอะจังอ่าคะ อิอิ

• คาซึรากิน่ารัก T-T จริงๆ คือน่ารักทุกฉากที่ออกมา ชอบความไว้ใจของใครสักคน (จำไม่ได้ว่าพี่หนวดหรือต่าย) ที่บอกว่าที่คาซึรากิสุดท้ายเลิกช่วยโมกามิ คงเพราะต้องการหยุดความทะเยอทะยานของเขา อื้อหือ ฟังแล้วกำมือแน่นมากๆ ชอบเวลามีคนชมคาซึรากิ ดีใจแทน

• พอคิดถึงบิลด์ตอน 15 แล้วก็รู้สึกว่า อืม คาซึรากิเอ็งมันคนดีจริงๆ ฟ่ะ มีการห้ามไม่ให้พาราโดะกระโดดวาร์ปข้ามมิติเข้ามาด้วยอ้ะ แง พ่อคนดีเอ๊ยยย ฉันอยู่ทีมเธอนะ!

• ในโรงรอบแรกเสียงฮือฮาของสาวๆ (วาย) ฉากมาสเตอร์โผล่มาคุยกับต่ายดังมากอะ ตกใจนิดนึง เพราะไม่เคยส่องแฟนดอมไทย เพิ่งรู้ว่าเรือมาสเตอร์ต่ายเป็นเรือใหญ่ของไทยขนาดนี้ (ในขณะที่เสียงทีมพี่หนวดกับต่าย/คาซึรากิ ก็จะกริบๆ มีเรากรี๊ดในใจคนเดียวในโรงป่าวไม่รู้เนี่ย 55555)

• ส่วนโรงรอบสองเสียงที่ดังมากคือเสียงของแฟนๆ โอส ฉากเอย์จิกับอังก์มันดีจริงๆ ดีทุกฉาก ดีจนไม่รู้จะชมยังไง ฮือ ถ้าใครชิปคู่นี้คงนอนน้ำตาอาบแก้มไหลขึ้นสวรรค์อยู่ในโรงนั้นแหละ

• ฉากที่เราชอบที่สุดคือตอนที่เอย์จิมาช่วยมัง พูดถึงตัวเองว่าจะคว้าทุกมือที่เอื้อมถึง แต่แววตาเอย์จิเหมือนไม่ได้กำลังพูดถึงมัง แต่เหมือนกำลังคิดถึงใครคนหนึ่งอยู่มากกว่า แอบน้ำตารื้นตรงนี้เบาๆ

• ฉากไอติมคือที่สุดแห่งความอิมพลายขั้นเทพ

• ออกมาจากโรงแล้วคุยกับเพื่อนๆ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าถึงไม่ได้ดูโอส แต่เอย์อังก์ชัดเจนมากจริงๆ มองข้ามไม่ได้ จะแจกการ์ดเมื่อไหร่บอกด้วย

• พาราโดะกับเอมุบทเยอะ คนชิปคงชอบแหละ มีโมเมนต์เยอะดี เพราะเป็นตัวนำเรื่องกันทั้งคู่เลย และสื่อสารถึงกันได้ พอได้มาเจอกันสีหน้าพาราโดะก็ดูดีใจมากๆๆๆ เอมุก็ดูสบายใจขึ้น ฉากชนหมัดที่ดี ฉากแปะมือที่ดี โมเมนต์เยอะจนคนชิปน่าจะอิ่มไปได้หลายปี

• ส่วนทางนี้ในสมองกำลังวี้ดว้ายความสนิทสนมของคู่ตัวเอง (คิเอ) อยู่ค่ะ ถ้าจะทำตัวสนิทสนมและปกป้องขนาดนี้ก็รีบไปขอนะคะคุณพรี่ หนุ่มๆ รอจองเยอะ เดี๋ยวไม่ทันเขา

• ฮีโระดูขยันชวนเอมุคุยเยอะขึ้นเนอะ น่าร้าก ภาคนี้ฮีโระดูบ๊องๆ เป็นพ่อหมอศัลย์ฯ ตลกหน้าตาย (ที่มีไทกะเป็นคนตบมุก)

• เนื่องจากภาคนี้ไม่มีจุดหักมุม ถ้าให้ขายเนื้อเรื่องก็ไม่รู้จะขายอะไร เอาเป็นว่าถ้าใครไม่ชอบฉากแอ็กชั่นก็แนะนำให้ไปดูเอาโมเอะไปวันๆ แทนค่ะ ผู้ชายหล่อมาก ตัวละครทุกตัวหล่อและมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง พอเอามาเจอกันเลยบันเทิงมาก

• ฉากแปลงร่างของเอมุกับเซ็นโตะ แล้วแย่งซีนกับรุ่นพี่ก็ตลกดี มุกสามบาทห้าบาทตึ่งโป๊ะสไตล์บิลด์ + ความโมเอะของคาร์ฯ แบบเอ็กเซด feat. สถานการณ์รุ่นพี่รุ่นน้องมันน่ารักจัง

• ฉากทาเครุกับโอนาริท้ายเรื่องน่ารักกก

• เพราะฉะนั้นใครยังไม่ได้ดูก็ไปดูเถอะค่ะ! น่ารักกกกก

 

ขอขอบคุณ

ค่าย DEX หรือพิเดกซ์ของน้องๆ ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาแปลไทยฉายโรง ขอบคุณมากเลยค่า สนุกมากๆ ดีใจที่ได้ดูในโรงค่ะ
• คุณแป้ง น้องจิน แก๊งจองบัตรเป็นหมู่คณะรอบวันเสาร์ ขอบคุณที่เดินหลงมาลงหลุมไรเดอร์กับเรานะคะ ดีใจที่ได้ดูหนังด้วยกันแบบติ่งๆ ในแฟนดอมนี้ค่ะ
ปปต. แหวน คิรัจจี้ แก๊งจองบัตรเป็นหมู่คณะรอบวันอาทิตย์ ขอบคุณที่มาดูเป็นเพื่อนและมาติ่งเป็นเพื่อนกันน้า
 และสุดท้าย ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ☆

บทความหน้าจะเป็นบทความเกี่ยวกับอะไรก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าหมดมุกอาจจะเอาฮีโร่โชว์รอบกรุงเทพฯ เมื่อต้นปีมารีวิวค่ะ ซียู!

[Review] หมอน Masked Rider Ex-Aid รุ่น Limited จาก DEX

[Review] คุณหมอ(น)เกมเมอร์ รีวิวหมอน Masked Rider Ex-Aid รุ่น Limited จาก DEX

สวัสดีจ้า~☆

วันนี้มาอัปบล็อกเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากมีของต้องอวด ต้องรีวิว

แถ่นแทนแท้น!

Review: DEX Limited Edition Masked Rider Ex-Aid cushion

[Review] คุณหมอ(น)เกมเมอร์ รีวิวหมอน Masked Rider Ex-Aid รุ่น Limited จาก DEX

ชื่อสินค้า: หมอนอิง Masked Rider Ex-Aid รุ่นลิมิตเต็ด จาก DEX
DEX Limited Edition Masked Rider Ex-Aid cushion (← ชื่อสินค้าภาษาอังกฤษนี่ฉบับแปลเอง)

แฟนดอม: Masked Rider Ex-Aid (มาสค์ไรเดอร์เอ็กเซด)
ประเภท: Official
ผู้จัดจำหน่าย: DEX (Dream Express)
ราคา: – (ร่วมกิจกรรมชิงรางวัลได้มาฟรีเด้อ)

คุณหมอน (ลาย) เกมเมอร์แหละเธ้อออ เป็นหมอนอิงลาย มาสค์ไรเดอร์เอ็กเซด! อันใหญ่ฟูมากเลยๆๆๆ ไปเล่นกิจกรรมได้มา ได้มาแล้วก็อยากอวดๆๆๆ (ส่วนไมตี้จังตัวละพันข้างๆ ไม่เกี่ยว เอามานั่งเป็นพร้อบประกอบฉากเฉยๆ)

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ DEX ผู้ถือลิขสิทธิ์มาสค์ไรเดอร์เอ็กเซดในไทย ได้ทำหมอนพิเศษรูปหน้ามาสค์ไรเดอร์เอ็กเซด รุ่นลิมิตเต็ดอิดิชั่นออกมาแจกที่ เพจ DEXclub.com บนเฟสบุ๊กเป็นครั้งแรก ก็เลยไปเล่นชิงรางวัลมา

…เปล่า ไอ้ที่ชิงกันรอบแรกนี่เราไม่ได้รางวัล (แล้วจะเล่าทำไมเนี่ย! 55555555)

แต่เพราะว่าหนแรกไม่ได้รางวัล เราก็เลยต้องรอดูว่าเมื่อไหร่เขาจะมีแจกอีก จนเพิ่ลมาชวนไปเล่นเกมที่เพจ อะไรญี่ปุ่นญี่ปุ่น ที่มีกิจกรรมแจกหมอนจาก DEX เหมือนกัน ก็เลยตามไปร่วมสนุกมา

แล้วก็ได้รางวัลค่ะ 🎉

เย้ ขอบคุณทางเพจ “อะไรญี่ปุ่นญี่ปุ่น” มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ จุ๊บๆ 😘

ในโอกาสนี้~! หมอนมาส่งแล้ว และมีเวลาว่างมาเขียนบล็อกพอดี เลยแกะห่อรีวิวให้ดูซะเลย

แกะกล่องรีวิวหมอน Masked Rider Ex-Aid รุ่น Limited จาก DEX

กล่องที่มาส่งที่บ้าน ใหญ่กว่าที่คิดเอาไว้มาก ส่งด้วยเคอรี่แหละ
ทางเพจส่งของรางวัลมาไวค่ะ นับจากวันที่ประกาศรางวัลแค่สัปดาห์เดียวของก็ถึงบ้านแล้ว

แกะกล่องออกมาดูหมอนกัน!

ภาพด้านหน้าหมอน Masked Rider Ex-Aid รุ่น Limited จาก DEX

อันนี้ด้านหน้า

ภาพด้านหลังหมอน Masked Rider Ex-Aid รุ่น Limited จาก DEX

อันนี้ด้านหลัง

ของจริงหมอนใส่ถุงพลาสติกกันเลอะเอาไว้ด้วย แต่แกะไปแล้ว ยับไปแล้ว ขอข้ามไป

มาดูที่หมอนกันดีกว่า สีสดมาก จ๋วย~ ด้านหน้าเป็นรูปหน้าเอ็กเซด ด้านหลังเป็นโลโก้ “มาสค์ไรเดอร์เอ็กเซด” เวอร์ชั่นภาษาไทย พร้อมรายละเอียดลิขสิทธิ์ (ให้รู้ว่าเป็นของแท้นะจ๊ะ) โลโก้ของ DEX แล้วก็โลโก้โซเชียลเน็ตเวิร์กพร้อมชื่อโซเชียลฯ ของ DEX ให้ไปติดตามกัล

จะว่าไป ดูๆ แล้วดีไซน์ของหมอนก็เหมือนหัวเอ็กเซดตอนเลเวล 1 กับอันที่ร่างเลเวล 2 จะสะพาย จะมีหน้าเลเวล 1 อยู่ด้านหลังเลยเนอะ

ภาพเปรียบเทียบกับมาสค์ไรเดอร์เอ็กเซดในทีเซอร์

หมายถึงหน้าด้านหลังแบบนี้

น่ารักอะ! เป็นหมอนหนุนหลังแล้วยังเหมือนหน้าด้านหลังของไรเดอร์อีก โง้ยยย คาวาอี้~!

ขนาดของหมอนใหญ่กว่าที่คิดเยอะมาก อยู่ที่ 30 × 44 × 12 ซม. โดยประมาณ เหมาะจะเอาไว้วางรองหลังเวลานั่งเก้าอี้ทำงานงี้ หรือจะเอาไว้พิงเวลาเอนตัวนอนงี้ หรือจะเอาไปให้แมวนอนทับงี้ เออเนี่ย พิมพ์มาหมดนี่ก็รู้เลยนะคะว่าใช้หมอนเปลือง 5555 #แม็กก็คิดนะว่ามีหมอนเยอะแล้วจะเอาไปทำไมอีก #แต่คิดอีกที #ของมันต้องมีน้าาา

ใหญ่แค่ไหนก็เทียบกับขนาดกาแชทดู…

เทียบขนาดหมอน Masked Rider Ex-Aid รุ่น Limited จาก DEX กับกาแชท

ขนาดของหมอนเมื่อเทียบกับขนาดกาแชท

ภาพด้านข้าง หมอน Masked Rider Ex-Aid รุ่น Limited จาก DEX

อันนี้ภาพถ่ายด้านข้าง ด้านข้างของหมอนก็หนามากทีเดียว

ส่วนด้านข้าง อันนี้อยากชมมากค่ะ คือหมอนหนามากกก ประมาณ 10~12 ซม.ได้ ถือว่าเป็นของแจกที่ทุ่มทุนมากทีเดียว ส่วนด้านความนุ่มนั้นเราว่ามันก็เป็นหมอนที่นุ่มดี นุ่มกว่าหมอนอิงทั่วไปที่เคยมี แต่ยังนุ่มไม่เท่าไส้หมอนเทพของ AIMON ในหมอนอิงกับหมอนข้างฉวนจื๋อฯ (อันนั้นคือที่สุดของกู๊ดส์หมอนแล้ว)

เนื้อผ้าเป็นผ้าคล้ายๆ เสื้อวอร์ม เสื้อกันหนาว แต่บางกว่า ไม่แน่ใจว่าเรียกอะไร ค้นๆ ในเน็ตดู เดาว่าน่าจะผ้า ITY มั้ง เทกซ์เจอร์ละเอียดๆ จนลูบแล้วมันจะลื่นๆ มือนิดนึง แต่เนื้อผ้าไม่เงาวับอะ ดูแล้วมันด้านๆ สกรีนสีติดคมเปรี๊ยะเลยเด้อ แต่ข้อเสียคือมันหนักนิดหน่อยเมื่อเทียบกับหมอนอื่นๆ อันนี้เข้าใจว่าคงเพราะขนาดด้วย (มั้ง)

หมอน Masked Rider Ex-Aid รุ่น Limited จาก DEX

ถ่ายมาให้ดูว่าสกรีนคมมาก สีสดมาก ซูมให้เห็นเนื้อผ้าด้วย

หมอน Masked Rider Ex-Aid รุ่น Limited จาก DEX

ตัวอักษรกับโลโก้ก็คมมาก

หมอน Masked Rider Ex-Aid รุ่น Limited จาก DEX

มีพิมพ์เอาไว้บนหมอนว่า NOT FOR SALE นาจา ใครคิดจะเอาไปขายต่อก็จะโดนเบรกไว้ตรงนี้

อ้อ หมอนอันนี้เป็นหมอนแบบไม่มีซิปค่ะ แกะออกมาซักไม่ได้ ตรงส่วนล่างสุดของหมอนมีรอยเย็บปิดไปเลย (มีด้ายเกินนิดหน่อยด้วย แต่ช่างมัน 555)

รีวิวหมอน Masked Rider Ex-Aid รุ่น Limited จาก DEX

จับมาเล่นกับไมตี้จัง~ น่าร้ากอะ!

ไมตี้จังไม่เหงาแล้วคับ!

สำหรับใครที่กำลังตามหาหมอนแบบเดียวกันนี้ ขอเรียนเชิญไปติดตามข่าวสารเพื่อรอลุ้นกิจกรรมครั้งหน้าได้ที่เพจทางการของ DEXclub.com รวมถึงเพจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (ไม่ได้ค่าโฆษณา …แต่ได้หมอนมาแล้ว  เลยช่วยเขาโฆษณาหน่อย 5555)

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าต่อจากนี้จะมีแจกอีกรอบเมื่อไหร่ และจะมีขายในอนาคตหรือไม่ เอาเป็นว่าไปตามเพจไว้ก่อนแล้วรุมกันตอแย ตื๊อจนเขาเห็นว่ามีความต้องการเยอะๆ ในอนาคตอาจจะเอามาแจกเพิ่มหรือทำขายก็ได้เนอะ

และขอขอบคุณ เพจ อะไรญี่ปุ่นญี่ปุ่น เพจสาระวัฒนธรรมญี่ปุ่นดีๆ ที่จัดกิจกรรมแจกหมอน แถมยังเป็นผู้สนับสนุนแอปฯ Flixer ที่ให้เราดูอนิเมและซีรีส์ต่างๆ ได้แบบฟรีๆ (แลกกับมีโฆษณานิโหน่ย) มีซีรีส์มาสค์ไรเดอร์ด้วยนะ ดูเอ็กเซดพากย์ไทยในนี้แบบย้อนหลังได้ด้วย ไปกดไลก์เพื่อรับข่าวสารหรือรอกิจกรรมหนหน้ากันได้เด้อ

สำหรับบทความบ้าเห่อ รีวิวหมอนเอ็กเซดก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ ขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่ติดตามอ่านค่ะ

เจอกันบทความหน้านะคะ ซียู!  > w・)/☆

 

รีวิวหมอน Masked Rider Ex-Aid รุ่น Limited จาก DEX

ส่งท้ายด้วยภาพออฟช็อต มีแมวดำที่บ้านมาขอเข้ากล้องด้วย >  <‘
[Report+Review] ไปดูฮีโร่โชว์ครั้งแรก (เกือบทัน) ฉบับแฟนเกิร์ล @ CentralPlaza WestGate 2017.10.01

[Report+Review] ไปดูฮีโร่โชว์ครั้งแรก (เกือบทัน) ฉบับแฟนเกิร์ล @ CentralPlaza WestGate 2017.10.01

สวัสดีจ้ะ~☆

ขึ้นชื่อเอนทรี่มาก็บ้าบอเลย 5555 ใช่แล้ววว เราจะมารีพอร์ตและรีวิวงาน ฮีโร่โชว์ (Hero Show) ที่เราไปดูไม่ทันมาแหละ!

ไปดูไม่ทันแล้วจะมารีพอร์ตอะไร 🤔❓ เออ นั่นสิ… แต่ถึงเราจะไปดูฮีโร่โชว์ไม่ทัน อย่างน้อยเราก็ไปทันช่วง Meet & Greet ถ่ายรูปกับฮีโร่นะ!

เพราะฉะนั้นเราจะมารีพอร์ต และรัวลงรูปช่วงมีตแอนด์กรีตที่ว่านี่แหละค่ะ!

งานที่ไปคืองานนี้

โปสเตอร์มาสค์ไรเดอร์ไกมุ โชว์ ตอน แดนซ์แบทเทิลพลังผลไม้

มาสค์ไรเดอร์ไกมุ โชว์ ตอน แดนซ์แบทเทิลพลังผลไม้
และการปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในเมืองไทยของมาสค์ไรเดอร์ เอ็กเซด

29 กันยายน –  1 ตุลาคม 2017
(ไปดูวันที่ 1 ตุลาคม 2017 ที่เซ็นทรัลพลาซ่า เวสต์เกต รอบ 13:30 น.)

 

“ฮีโร่โชว์” หรือการแสดงของเหล่าฮีโร่ จะจัดเป็นรอบๆ ค่ะ งานหนนี้มีฮีโร่โชว์ตอน 12:00 น., 14:30 น. และ 17:00 น. ภายในห้างเซ็นทรัลพลาซ่า เวสต์เกต เข้าชมได้ฟรี

และจะมีให้ถ่ายรูปกับไรเดอร์ ซึ่งบนเพจของ DEXclub.com เรียกว่าช่วง “Meet & Greet” (เราก็เลยเรียกตาม 555) บนเวทีเดียวกัน ก็แบ่งออกเป็นสามรอบเช่นกัน ได้แก่เวลา 13:30 น., 16:00 น. และ 18:30 น. ซึ่งในงานนี้เป็นงานแรกที่พามาสค์ไรเดอร์เอ็กเซดมาโชว์ตัวที่ประเทศไทยเลย แบบนี้แฟนเอ็กเซดก็ไม่อยากพลาดเลยน่ะสิ!

การแสดงโชว์หนนี้เป็นฮีโร่โชว์ของ มาสค์ไรเดอร์ไกมุ ในชื่อตอน “แดนซ์แบทเทิลพลังผลไม้” ค่ะ ฟังจากเพื่อนมาเห็นว่ามีแต่โชว์ของไกมุเพียวๆ นะคะ ยังไม่มีเอ็กเซด ถ้าอยากเจอเอ็กเซดต้องรอเจอตอนช่วงมีตแอนด์กรีตถ่ายรูปค่ะ

สำหรับฮีโร่โชว์ เอ่อ …แบลงก์ค่ะ ไปไม่ทัน 555555555 มีใครขึ้นเวทีบ้างเรายังไม่รู้เลย (← มาไม่ทันรอบเที่ยง ฮึก น้องก็ไม่คิดว่าบางใหญ่มันจะไกลขนาดนี้ เผื่อเวลาเดินทางไม่ถูกเด้อ TvT) เพื่อนรีวิวให้ฟังคร่าวๆ ว่าเอฟเฟกต์ดี นักแสดงแสดงเป๊ะ เท่มากๆ ช่วงฮีโร่โชว์นี้มีกฎคร่าวๆ คือห้ามถ่ายรูป ห้ามอัดวิดีโอช่วงที่เป็นฮีโร่โชว์ค่ะ

แต่ๆๆๆ มาไม่ทันไม่เป็นไร เพราะนี่ไม่ใช่เป้าหมายหลักของเรา

เป้าหมายหลักของเราคือมุมขวาล่างของโปสเตอร์อันนั้นต่างหาก! ใช่แล้วค่ะ งานเปิดตัวมีตแอนด์กรีตและถ่ายภาพกับ มาสค์ไรเดอร์เอ็กเซด ไงงง

Kamen Rider Gaim & Kamen Rider Ex-Aid Hero Show @ CentralPlaza WestGate 2017.10.01

Kamen Rider Gaim & Kamen Rider Ex-Aid Hero Show @ CentralPlaza WestGate 2017.10.01

ช่วง Meet & Greet ถ่ายรูป พี่เอ็กเซดกับพี่ไกมุก็จะออกมาถ่ายรูปกับเด็กๆ ตามตารางเวลาค่ะ > <‘

สำหรับมีตแอนด์กรีตถ่ายรูปงานนี้ รอบที่เราไปดูคือรอบ 13:30 น. ก่อนที่จะถึงเวลาเล็กน้อย ก็จะมีพิธีกรมานำเด็กๆ เล่นเกมรอเวลาก่อนค่ะ เมื่อถึงเวลาจริงๆ ก็จะขอเสียงเด็กๆ ช่วยกันเรียกมาสค์ไรเดอร์เอ็กเซดกับมาสค์ไรเดอร์ไกมุออกมาให้ถ่ายรูปกันค่ะ เงื่อนไขการถ่ายรูปกับพี่ๆ มาสค์ไรเดอร์ในงานนี้คือ จะต้องซื้อสินค้าที่บูธ DEX ในงาน 1,000 บาท ถึงจะได้สิทธิ์ในการถ่ายรูป

สำหรับเรางานนี้ยังไม่มีของที่อยากได้ และไหนๆ งานนี้ก็ยังไม่มีพี่เบรฟหรือพี่เลเซอร์มา เลยอั้นไว้ก่อน รอบนี้ขอเป็นคนดูข้างเวทีแทนค่ะ จากที่ลองสำรวจดูแล้วคิวถ่ายรูปก็ยาวทีเดียว แต่ไหลไวอยู่ค่ะ แต่ละคิวถ่ายกันไม่นาน

สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองที่พาลูกไปต่อแถวและรอถ่ายรูปอยู่ข้างล่างเวที ก็ต้องเตรียมกล้องกันล่วงหน้าหน่อยนะ พอถึงคิวถ่ายรูปจะมีพนักงานรับกล้องไปถ่ายรูปให้ค่ะ ระหว่างนั้นต้องเปิดกล้องถ่ายรูปหรือโทรศัพท์มือถือในโหมดพร้อมถ่ายได้เลย ทุกอย่างกระชับฉับไว สำหรับผู้ปกครองคนที่ไม่ขึ้นไปถ่ายรูปกับลูกก็เอากล้องอีกกล้องหรือโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องยืนถ่ายใกล้ๆ พนักงานเมื่อถึงคิวของลูกตัวเองได้ค่ะ

ในช่วงมีตแอนด์กรีตถ่ายรูปงานนี้ไม่ได้มีการห้ามถ่ายรูปเวทีค่ะ เลยรัวมาหลายภาพเลย (ฮา) แอบพังไปหลายภาพอยู่ เพราะมัวแต่ตื่นเต้นตอนเอ็กเซดออกมา ตอนที่เปิดตัวมาสค์ไรเดอร์เอ็กเซดมีเพลงของกาแชท Mighty Action X ขึ้นด้วย แล้วประตูกลางก็เปิดจากนั้นเอ็กเซดก็วิ่งออกมาโพสท่าประจำตัว เท่ม้ากกก เท่มากๆ ฮือ มือสั่นเลย (literally) ขออภัยในคุณภาพแตกๆ สั่นๆ ของภาพนะคะ ทั้งหมดนี้ใช้กล้องมือถือถ่ายเอาค่ะ >  <‘

Kamen Rider Gaim & Kamen Rider Ex-Aid Hero Show @ CentralPlaza WestGate 2017.10.01

มีคนคอสเพลย์เอมุมาถ่ายรูปด้วย!

Kamen Rider Gaim & Kamen Rider Ex-Aid Hero Show @ CentralPlaza WestGate 2017.10.01

Ex-Aid & Gaim!

จริงๆ มีถ่ายภาพตอนที่ถ่ายรูปกับเด็กๆ ไว้เยอะอยู่ แต่ถ้าลงต้องเซนเซอร์หน้าเด็กๆ และเราขี้เกียจเซ็นเซอร์ (…) ขอข้ามไป

ต่อจากนี้เป็นช่วงหลังจากที่ถ่ายรูปกับเด็กๆ จนครบแล้ว และกำลังจะกลับเข้าหลังเวทีแล้วค่ะ เอ็กเซดน่ารักมากกก น่ารักมากๆๆๆ พี่ไกมุจะแมนๆ เตะบอลอะ เอ็กเซดจะเด็กน้อยดี๊ด๊า แต่ก็เท่ ฮือ ทั่นเอ็ม ฮรือ♥

Kamen Rider Gaim & Kamen Rider Ex-Aid Hero Show @ CentralPlaza WestGate 2017.10.01

Kamen Rider Gaim & Kamen Rider Ex-Aid Hero Show @ CentralPlaza WestGate 2017.10.01

Kamen Rider Gaim & Kamen Rider Ex-Aid Hero Show @ CentralPlaza WestGate 2017.10.01

Kamen Rider Gaim & Kamen Rider Ex-Aid Hero Show @ CentralPlaza WestGate 2017.10.01

Kamen Rider Gaim & Kamen Rider Ex-Aid Hero Show @ CentralPlaza WestGate 2017.10.01

Kamen Rider Gaim & Kamen Rider Ex-Aid Hero Show @ CentralPlaza WestGate 2017.10.01

Kamen Rider Gaim & Kamen Rider Ex-Aid Hero Show @ CentralPlaza WestGate 2017.10.01

โบกมือบ๊ายบาย
Kamen Rider Gaim & Kamen Rider Ex-Aid Hero Show @ CentralPlaza WestGate 2017.10.01

Kamen Rider Gaim & Kamen Rider Ex-Aid Hero Show @ CentralPlaza WestGate 2017.10.01

Kamen Rider Gaim & Kamen Rider Ex-Aid Hero Show @ CentralPlaza WestGate 2017.10.01

Kamen Rider Gaim & Kamen Rider Ex-Aid Hero Show @ CentralPlaza WestGate 2017.10.01

Kamen Rider Gaim & Kamen Rider Ex-Aid Hero Show @ CentralPlaza WestGate 2017.10.01

โบกมือบ๊ายบายให้คนดู จากนั้นก็วิ่งกลับเข้าหลังฉากพร้อมกัน แล้วหันกลับมาโพสท่าอีกครั้ง ก่อนที่ประตูจะปิด

Kamen Rider Gaim & Kamen Rider Ex-Aid Hero Show @ CentralPlaza WestGate 2017.10.01

ปิดประตูแล้ววว

Kamen Rider Gaim & Kamen Rider Ex-Aid Hero Show @ CentralPlaza WestGate 2017.10.01

จบบริบูรณ์

ฮร้อววว! เท่อะ เท่อ้ะ! อยากดูอีก! รอบหน้าอยากดูทีมคุณหมอแบบครบเซตเลย อยากเจอพี่สไนป์ อยากเจอพี่เบรฟ อยากเจอพี่เลเซอร์ด้วย (จะขนมาได้ไหมนั่น 555) ฮือ ถ้าเอาเลเซอร์ เลเวล 2 มาได้เราสัญญาจะขึ้นไปถ่ายภาพนะ! สัญญาว่าจะตื่นให้ทันไปดูฮีโร่โชว์ด้วย!

นอกจากกิจกรรมบนเวที ทั้งฮีโร่โชว์และช่วงถ่ายรูปกับไรเดอร์แล้ว โซนตรงข้ามกับเวทีก็จะเป็นบูธขายของเล่นและแผ่นซีดีซีรีส์ฮีโร่เรื่องเก่าๆ ของ DEX ค่ะ ตอนที่ไปเป็นช่วงต้นเดือน ต.ค. เอง แต่ก็มีของมาสค์ไรเดอร์บิลด์มาขายแล้วด้วย ของมาไวม้าก OwO! ของเล่นไรเดอร์ละลานตาไปหมด และมีของเอ็กเซดกับไกมุเยอะพอตัวเลยค่ะ (ก็งานนี้เขาเด่นอะเนอะ)

อนึ่ง ราคาที่บูธ DEX เป็นมิตรต่อกระเป๋าสตางค์กว่าราคาบนเชลฟ์ในห้างมากมายเลย ถ้าใครกำลังมองหาของเล่นไรเดอร์ที่ราคาไม่เจ็บไตมาก ก็ลองมาเดินงานฮีโร่โชว์หรืองานอีเวนต์ต่างๆ ที่ DEX ไปออกบูธดูนะคะ (แต่ถ้ามัวแต่รอของถูกในงานอีเวนต์จนของหมดก่อนอีเวนต์จะเวียนมาก็ตัวใครตัวมันละจ้า แค่กๆๆๆ)

อันที่จริงที่ไปงานนี้ เราไม่ได้ไปคนเดียว แต่นัดกันไปกับเพื่อนๆ ซึ่งแต่ละคนเพิ่งกลับมาจากงาน Comic Avenue 4 เมื่อวันที่ 30 ก.ย. (ก่อนมาดูฮีโร่โชว์วันนึง) เป็นเซอร์เคิลกันซะส่วนใหญ่ กับสตาฟอีกหนึ่ง แต่ละคนสารร่างพังมากกก (ยกเว้นเพิ่ลแหวนที่มีถิ่นฐานอยู่ใกล้บางใหญ่อยู่แล้ว) แต่ไม่รู้อาศัยพลังบ้าอะไรฮึดตื่นเช้าต่อเนื่องอีกวันขึ้นมาได้ ขุดตัวเองออกจากที่นอนเพื่อบึ่งไปบางใหญ่ไปหาพี่เอ็กเซดอย่างพร้อมเพรียงค่ะ ผลคือวันต่อมาเป็นวันจันทร์ ทุกคนที่ไปลุยทั้งสองงานก็ป่วยกันหมด ใช้พลังในถัง E สำรองไปหมดเกลี้ยงแล้วเด้อ 5555

อันนี้เป็นโพสต์ประกาศของเพจงานที่ผ่านมา เผื่อใครอยากไปติดตามเพื่อดูตารางฮีโร่โชว์งานต่อไป

สำหรับงานหน้า เตรียมพบกับฮีโร่โชว์มาสค์ไรเดอร์เอ็กเซดแบบเต็มสูบ แค่เห็นโปสเตอร์ใจก็เต้นรัวแล้วนะ! *เลียนเสียงพาราโดะ*

ซึ่ง…เราคงไม่ได้ไปค่ะ (อ้าว) จัดไกลเกินไป 5555 แต่มาแปะไว้เผื่อใครอยู่ในละแวกแล้วสนใจจะไปชมค่ะ

เอาไว้ถ้ามาโชว์ละแวกกรุงเทพฯ จะแบกกล้องไปไล่แชะพี่ๆ คุณหมอไรเดอร์แน่นอนค่ะ! ヾ(*´∀`*)ノ จะรอนะคะ DEX ซัง!

ขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่ติดตามอ่านค่ะ

เจอกันบทความหน้านะคะ!☆

ปล. DEX ซังเอาไรเดอร์มอไซค์มาด้วยสิคะ♥ เอาไรเดอร์มอไซค์มาด้วยสิคะ♥ เอาไรเดอร์มอไซค์มาด้วยสิคะ♥ เอาไรเดอร์มอไซค์มาด้วยสิคะ♥ เอาไรเดอร์มอไซค์มาด้วยสิคะ♥ เอาไรเดอร์มอไซค์มาด้วยสิคะ♥ *สะกดจิตวนไป*

[Review+Scream] รีวิว "มาสค์ไรเดอร์ ปะทะ ซูเปอร์เซนไต : อภิมหาศึกรวมพลซูเปอร์ฮีโร่" ฉบับแฟนเกิร์ล (ผู้สครีมอย่างบ้าคลั่งเยี่ยงติ่งตายอดตายอยากมาจากไหนก็ไม่รู้)

[Review+Scream] รีวิว “มาสค์ไรเดอร์ ปะทะ ซูเปอร์เซนไต : อภิมหาศึกรวมพลซูเปอร์ฮีโร่” ฉบับแฟนเกิร์ล (ผู้สครีมอย่างบ้าคลั่งเยี่ยงติ่งตายอดตายอยากมาจากไหนก็ไม่รู้)

สวัสดีจ้ะ~☆

วันนี้เรามาอัปรีวิวหนังที่เพิ่งไปดูมาเมื่อวันอาทิตย์สัปดาห์ที่ผ่านมาค่ะ! บล็อกเราเคยอัปอะไรที่ตรงกับที่เคยบอกไว้ว่าจะอัปซะที่ไหน

เรื่องที่ไปดูมา เป็นภาคมูฟวี่ (ภาพยนตร์) ของซีรีส์ที่เราติดตามอยู่ช่วงนี้ค่ะ ภาพยนตร์ที่ไปดูชื่อ “มาสค์ไรเดอร์ ปะทะ ซูเปอร์เซนไต : อภิมหาศึกรวมพลซูเปอร์ฮีโร่” ส่วนซีรีส์ที่เราติดอยู่ช่วงนี้คือ มาสค์ไรเดอร์เอ็กเซด (Kamen Rider Ex-Aid)

แม่นค่ะ ตอนนี้เจ้าของบล็อกกำลังติ่งไรเดอร์อยู่ค่า 🎉

เนื่องจากไปดูในฐานะแฟนเกิร์ล เพราะฉะนั้นรีวิวนี้จึงจะสครีมๆ หน่อย อย่างหาสาระไม่ค่อยได้ และเป็นการรีวิวในมุมมองของแฟนมาสค์ไรเดอร์เอ็กเซดจากฝั่งผู้ชมที่เป็นสาวน้อย แน่นอนว่าจุดโฟกัสเราจะไม่ค่อยเหมือนเด็กและเยาวชนที่ดูซีรีส์นี้ในฐานะซีรีส์ฮีโร่ และไม่เหมือนแฟนๆ สายหนังแปลงร่างทั่วไปที่ดูเอาสาระด้วย

…พูดง่ายๆ คือมาโฮกผู้ชายค่ะ 555555

Review: Kamen Rider × Super Sentai: Chou Super Hero Taisen

Kamen Rider × Super Sentai: Chou Super Hero Taisen poster Thai version

ชื่อภาพยนตร์: มาสค์ไรเดอร์ ปะทะ ซูเปอร์เซนไต : อภิมหาศึกรวมพลซูเปอร์ฮีโร่
Kamen Rider × Super Sentai: Chou Super Hero Taisen

วันที่เข้าฉาย: 22 กรกฎาคม 2017
(ไปดูวันที่ 23 กรกฎาคม 2017 โรงพรอมานาด ซีนีเพล็กซ์ รอบ 13:00 น. ซาวนด์แทร็ก มีซับไทย)

 

**Warning**
– เนื้อหาทั้งหมดต่อจากนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว กรุณาใช้วิจารณญาณในการรับชม
– บทความนี้เป็นการรีวิวที่ไม่เหมือนรีวิวเสียทีเดียว หลักๆ น่าจะเป็นการสครีม (หวีดร้อง กรี๊ดๆ ระบายความอัดอั้นในใจ) มากกว่า และเราจะไม่พูดถึงเนื้อเรื่องในภาพยนตร์มากนักค่ะ
– เจ้าของบล็อกติดตามแค่มาสค์ไรเดอร์เอ็กเซด ไม่ได้ติดตามคิวเรนเจอร์ กับจูโอเจอร์ รีวิวนี้จึงเป็นความคิดเห็นจากฝั่งแฟนเอ็กเซดแต่เพียงเรื่องเดียว ไม่สามารถให้ความคิดเห็นในส่วนของตัวละครจากเรื่องอื่นๆ ที่มาปรากฏตัวเท่าไหร่

– Spoiler Warning จะพยายามไม่สปอยล์เนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์มากนัก ส่วนไหนที่เป็นสปอยล์เราจะถมขาวไว้ แต่จะมีข้อความบางส่วนที่พาดพิงถึงตัวละครและเหตุการณ์สำคัญในมาสค์ไรเดอร์เอ็กเซดตอนที่ 12 และ 23 ถ้ายังดูไม่ถึง กรุณากดปิดหน้านี้ทิ้งอย่างอ่อนโยนค่ะ
– เจ้าของบล็อกเป็นสาววาย สายออลเอและคิเอ เมนคิริยะ (เอ็กเซด) เพราะฉะนั้นจะสครีมแบบติดฟีลเตอร์สาววายแน่นอนค่ะ ใครที่ไม่ชอบความสัมพันธ์ของคู่ดังกล่าว กรุณาหลีกเลี่ยงและจัดการตัวเองค่ะ

 

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า เราไม่ได้ตามดูซีรีส์ของสายโทคุซัตสึ (หมายถึงหนังแปลงร่างแนวยอดมนุษย์อะไรงี้) นานแล้ว ซีรีส์สุดท้ายที่ติ่งแตกเบอร์แรง คือมาสค์ไรเดอร์อากิโตะ (เมนเรียวจังๆๆๆ) ส่วนที่เหลือก็ตามดูมาเรื่อยๆ จนซีรีส์สุดท้ายที่ได้ดูจนจบคือมาสค์ไรเดอร์ไฟซ์ค่ะ (มาสค์ไรเดอร์เบลดได้ดูนิดหน่อย แต่โดนสปอยล์ก่อน ใจสลายกับสปอยล์มากถึงมากที่สุด เลยดร็อปไปกลางทาง) เพิ่งจะกลับมาดูไรเดอร์อีกทีก็เอ็กเซดเนี่ยแหละค่ะ

เริ่มดูเอ็กเซดตอนแรกก็ชอบเลย! ← ชอบเล่นเกม เลยอินง่าย

แล้วก็ชอบคิริยะมาก! ชอบคิริยะมาก! ชอบคิริยะมาก!

เราเพิ่งเริ่มดูเอ็กเซดเมื่อประมาณปลายๆ เดือนมิ.ย. ที่ผ่านมาเอง รู้ตัวอีกทีก็ตะบี้ตะบันดู วาร์ปข้ามกาลเวลามาจนทันดูสดพร้อมทางญี่ปุ่นตั้งแต่ต้นๆ เดือน ก.ค. แล้ว (กลัวตัวเองอยู่เหมือนกันเนี่ย ชีวิตการงานพังไปหมดเพราะหมอไรเดอร์ โฮ T-T) ประจวบเหมาะกับที่ทาง DEXclub.com ประกาศรอบฉายภาพยนตร์ “มาสค์ไรเดอร์ ปะทะ ซูเปอร์เซนไต : อภิมหาศึกรวมพลซูเปอร์ฮีโร่” ขึ้นมาพอดี → [Link]

สำหรับมูฟวี่ภาคนี้ เป็นภาพยนตร์ภาคพิเศษภายใต้ธีม “มาสค์ไรเดอร์ ปะทะ ซูเปอร์เซนไต” (แปลไทยก็คงประมาณ “ไอ้มดแดง ปะทะ ขบวนการห้าสี”) ซึ่งปกติมูฟวี่รวมฮีโร่นี้จะมีทำขึ้นแทบทุกปีอยู่แล้ว ภาคอื่นๆ ก็มีทั้งแบบรวมเฉพาะไรเดอร์ และแบบที่รวมทั้งฝั่งไรเดอร์ทั้งฝั่งเซนไต สลับๆ กันไป สำหรับปีนี้เป็นปีที่เอ็กเซดกำลังฉายอยู่พอดี “มาสค์ไรเดอร์เอ็กเซด” จึงได้รับบทเด่นในมูฟวี่ภาคนี้ ร่วมกับ “ขบวนการอวกาศ คิวเรนเจอร์” ที่เป็นตัวแทนชูโรงจากฝั่งซูเปอร์เซนไตที่กำลังฉายอยู่ในปีนี้เหมือนกันนั่นเอง

ซึ่งในแต่ละปีมูฟวี่รวมฮีโร่แบบนี้จะหาข้ออ้าง เอ้ย! หาเหตุผลในการรวมตัวไรเดอร์ (และซูเปอร์เซนไต) หลายๆ ภาคมาไว้ด้วยกันโดยใช้เหตุผลที่แตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่ก็เพื่อร่วมมือกันปราบวายร้ายแหละ (ระหว่างทางอาจจะมีขัดขากันบ้าง มีฉากแอ็กชั่นสู้กันเองนัวๆ ให้พอดูเพลินๆ แล้วสุดท้ายก็จะร่วมมือกับปราบตัวร้ายแบบฮีโร่ตะลุมบอนอยู่ดี เย่ะ!) สำหรับในภาคนี้ ใช้ “เกม” เป็นเหตุผลให้เกิดการรวมไรเดอร์ขึ้นมาค่ะ

ไปดูเรื่องย่อ (ที่ไม่ค่อยได้บอกอะไร) ได้ทางเว็บของโรงหนัง [Link]

อันนี้เป็นตัวอย่างภาพยนตร์ฉบับซับไทย

อันนี้คลิปโฆษณาสั้นๆ ของไทย (เสียงบรรยายไทย)

ระหว่างที่เรากำลังสนุกสนานกับซีรีส์มาสค์ไรเดอร์เอ็กเซดภาคหลัก แก๊งเพื่อนที่ชวนมาดูเอ็กเซดด้วยกันก็ชวนเราไปดูมูฟวี่รวมฮีโร่ภาคนี้

ด้วยคำล่อลวงว่า

“ภาคนี้มีคิริยะซังของเธอด้วยนะ!”

PhaammmPhaammmPhaammm ห๊ะ อะไรนะ? คิริยะซังน่ะเหรอ? คิริยะซังคนนั้นจะกลับมางั้นเหรอ?

Kamen Rider × Super Sentai: Chou Super Hero Taisen capture

คนนี้ค่ะคิริยะซัง

ไปค่ะพี่สุชาติ!

ไอ้ที่กล่าวมาเมื่อกี้เราลืมสิ้นแล้ว ภาคนี้เขาจะรวมไรเดอร์กับเซนไตกี่ภาค เคยดูเคยดร็อปไปไหมอิฉันไม่รู้ แต่จุดยืนของอิฉันก็จะไปดูคิริยะซังจอใหญ่ๆ ค่ะ! จากนั้นก็ฝากเพื่อนกดจองบัตร บลาๆๆ จนในที่สุดก็มาถึงวันที่เข้าฉาย

อันนี้โฆษณาฉบับญี่ปุ่น ตัวที่บอกว่าคุโจ คิริยะ จะกลับมาปรากฏตัวในภาคนี้ ปกป้องโลกพร้อมรุ่นพี่ฮีโร่ บลาๆๆๆ เสียงบรรยายในโฆษณาเป็นเสียงคิริยะด้วยนะ (ทำเสียงเรียบโมโนโทน น่าหมั่นไส้อะ 5555) ในมูฟวี่คิริยะซังจะกลับมาจริงไหม เดี๋ยวรู้กัน wwww

พอถึงวันที่ฉายก็รวมกลุ่มกันไปดูในโรงภาพยนตร์ ก่อนไปถึงก็เขินนิดหน่อยที่รู้สึกว่าตัวเองเลยวัยจะดูไรเดอร์กับซูเปอร์เซนไตแล้ว อยู่ๆ ก็ตีตั๋วไปดูเรื่องนี้นี่เหมือนไปแย่งเด็กดูเลย แต่พอเดินเข้าไปถึงเก้าอี้ เฮ้ย ที่นั่งข้างๆ พวกเราก็เป็นผู้หญิงมาดูคนเดียวนี่หว่า อยากหันไปถามว่าชิปไหนคะ?

ที่นั่งข้างหลังก็เป็นแก๊งวัยผู้ใหญ่มาดูกัน สรุปว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ไปดูเหอะ เธอจะไม่โดดเดี่ยว เธอจะมีเพื่อนแฝงตัวอยู่ทุกที่ อย่างน้อยก็ในโรงภาคนี้ที่มีแฟนเกิร์ลเยอะมาก หาได้ต้องกลัวว่าจะแย่งเด็กไม่ เพราะยังไงก็แย่งอยู่ดีอายทำไม ตึ่งโป๊ะ

อะๆ เข้าเรื่องรีวิวเลยดีกว่า

 

ด้านเนื้อเรื่อง

สำหรับด้านเนื้อเรื่อง ขอบอกว่าสนุกมากกกกกกกกกกก >/////< คือพล็อตมันไม่ได้ดีซับซ้อนเลิศหรูสู้หนังใหญ่ชนโรงอะไรขนาดนั้น แต่มีเหตุมีผลมากพออย่างที่เรื่องเล่าเรื่องหนึ่งควรจะเป็น เนื้อหาน่าติดตามตลอดเรื่อง ถือว่าดูสนุกสำหรับแฟนเอ็กเซดอย่างเราเลยแหละนะ เรียกได้ว่ามันจะเป็นหนึ่งในความทรงจำดีๆ ในการติ่งไรเดอร์ของเรารอบนี้เลย

เราว่าภาคนี้เรียบเรียงเนื้อหาดีกว่าภาครวมไรเดอร์อื่นๆ ที่เราเคยดูมาด้วย (แต่ประเด็นคือเราดูไม่เยอะเนี่ยสิ อย่าเอาเราเป็นมาตรฐานเลยแล้วกัน 5555) เราชอบที่มีเส้นเรื่องชัดเจนและเนื้อหาแน่นพอที่จะดึงให้เราอยู่กับเส้นเรื่องหลัก แถมสามารถหาข้ออ้าง เหตุผลให้ไรเดอร์กับเซนไตจำนวนมากๆ มาปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่องเดียวกันได้ดีมาก ดูแล้วไม่รู้สึกว่าแถ และแน่ใจได้ว่าการปรากฏตัวเช่นนี้จะไม่ขัดใจแฟนๆ ผลงานออริจินัลแน่นอน

เพราะพี่แกให้บรรดาฮีโร่ (ส่วนใหญ่) ที่โผล่มารวมตัวกันในภาคนี้ เป็นฮีโร่ที่ทะลุมิติมาจาก “โลกของเกมรวมฮีโร่” นั่นเองค่ะ

Kamen Rider × Super Sentai: Chou Super Hero Taisen capture

ฮีโร่ก็จะมาทีละเยอะๆ แบบนี้ มันก็จะตะลุมบอนหน่อยๆ (ภาพจากคลิปโฆษณาของญี่ปุ่นค่ะ)

เนื้อเรื่องหลักคือ อยู่มาวันหนึ่ง ยานอวกาศในเกมที่ชื่อ Xevious (มีเกมนี้จริงๆ นะ ลองเอาชื่อไปกูเกิลดู) ก็มาปรากฏบนโลก แล้วเริ่มโจมตีโลกมนุษย์ ทางฝั่งคิวเรนเจอร์พอรู้เรื่องนี้ก็เลยลองไปสู้ดู พอรู้ว่าศัตรูเป็นตัวร้ายในเกมที่ทะลุมาโลกจริง ก็เลยติดตามร่องรอยผู้ต้องสงสัย “ป๊อปปี้ ปิโปะปะโปะ” มายังญี่ปุ่น เป็นสาเหตุให้ได้เจอกับพวกคุณหมอไรเดอร์ฝั่งเอ็กเซดที่ออกมาปกป้องป๊อปปี้ว่า เธอไม่ใช่คนน่าสงสัยสักหน่อย!

Kamen Rider × Super Sentai: Chou Super Hero Taisen capture

ถึงจะข้ามไปมาระหว่างโลกเกมกับโลกจริงได้ แต่ป๊อปปี้ไม่ทำเรื่องแบบนั้นหรอก! (ภาพจากคลิปโฆษณาของญี่ปุ่นค่ะ)

ระหว่างที่แก๊งเอ็กเซดกับแก๊งคิวเรนเจอร์กำลังตบตีกันอยู่นั้น ก็มีศัตรูจากโลกเกมบุกเข้ามาในโลกจริงอีกแล้ว ทั้งสองแก๊งเลยยุติการตบตีกันชั่วคราว หันมารับมือกับพวกตัวร้ายในเกมอย่างทุลักทุเล

ในขณะนั้นเอง อยู่ดีๆ ก็มีเหล่าฮีโร่ปริศนาปรากฏตัวขึ้น แถมในกลุ่มฮีโร่นั้นมี คางามิ ฮีโระ (มาสค์ไรเดอร์เบรฟ) อีกคนหนึ่ง มาในชุดดำ ผมเสย มาดมาเฟีย กับคุโจ คิริยะ (มาสค์ไรเดอร์เลเซอร์) ที่น่าจะตายไปแล้วปรากฏตัวอยู่ด้วย (ฉากนี้เลเซอร์โดนไทกะทักด้วย ว่าแกน่ะตายไปแล้วไม่ใช่หรอม พราก อย่าย้ำแรงค่ะพี่ คนดูเจ็บ ;-;)

Kamen Rider × Super Sentai: Chou Super Hero Taisen capture

ภาคนี้มีฮีโระสองคน คนหนึ่งเป็นหมอในโลกจริง อีกคนเป็นตัวละครในเกมรวมฮีโร่ (ภาพจากคลิปโฆษณาของญี่ปุ่นค่ะ)

ฮีโร่ปริศนาคนหน้าเหมือนแก๊งนี้ปรากฏตัวมาช่วยปราบศัตรูอย่างเท่ๆ จากนั้นก็เฉลยว่าพวกเขามาจากโลกของเกมรวมฮีโร่ “พวกฉันก็เป็นฮีโร่เหมือนกันนะ” แล้วก็กลับเข้าเกมไปแบบเท่ๆ

โฮโจ เอมุ (มาสค์ไรเดอร์เอ็กเซด) ในโลกจริงเลยปิ๊งไอเดียว่างั้นเราก็ชักชวนฮีโร่ในโลกเกมมารวมพลังกับฮีโร่ในโลกจริงเพื่อปราบเหล่าร้ายที่กำลังบุกโลกตอนนี้ด้วยกันซะเลยสิ! โดยให้ป๊อปปี้ กับ อามุ (จูโอไทเกอร์ จากเรื่องจูโอเจอร์) เข้าไปชักชวนฮีโร่จากฝั่งโลกเกม แต่พอเข้าไปถึงกลับโดนฮีโระชุดดำคนที่อยู่ในเกมยื่นเงื่อนไขว่าเอมุต้องเข้าไปเล่นเกมแบบแบตเทิลอารีน่าในเกมรวมฮีโร่ให้ชนะก่อน ถึงจะให้ยืมพลังไปใช้สู้ในโลกจริง

และสังเวียนต่อสู้ระหว่างฮีโร่ VS ฮีโร่ ก็เริ่มต้นขึ้น พร้อมๆ กับที่คางามิ ฮีโระในโลกจริง เริ่มเอะใจถึงอะไรบางอย่างและตัดสินใจย้อนกลับไปสะสางอดีตของตัวเองที่มีความเกี่ยวข้องกับตัวฮีโระอีกคนและเกมรวมฮีโร่เกมนี้

นี่แหละคือสาเหตุที่มีตัวละครไรเดอร์และเซนไตอยู่ในเรื่องนี้มากมาย (ในโฆษณาเขียนว่ามีฮีโร่มาปรากฏตัวกว่าร้อยคน) เพราะหลายคนในร้อยกว่าคนนั้นเป็นตัวละครที่มาจากโลกเกมรวมไรเดอร์นั่นเอง (ซึ่งหลายๆ คนก็มีบทแค่ตอนสู้กันในอารีน่าเท่านั้นแหละจ้า กระซิก T-T)

เพราะฉะนั้นแฟนๆ ซีรีส์ฮีโร่จึงสบายใจได้ว่าฮีโร่ที่มาโผล่ในเรื่อง แม้จะมีทั้งที่เป็นพันธมิตรของเอมุ และมีทั้งเป็นคู่ต่อสู้กัน ก็เป็นเพียงตัวละครในเกมที่ต้องดำเนินไปตามกฎของโลกเกม ทำให้ตัวละครที่ปรากฏตัวในภาคมูฟวี่ภาคนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นเรื่องหลัก คนที่ชอบไรเดอร์หรือเซนไตภาคอื่นๆ มาดูก็คงไม่จิ๊ปากขัดใจว่า เฮ้ย ตัวละครนั้นคงไม่ทำแบบนั้น ตัวละครนี้คงไม่ทำแบบนี้หรอก เฮ้ย ทำไมสู้กันเอง ทำไมพอมาอยู่ในภาครวมฮีโร่แล้วทำอะไรขัดๆ กับนิสัยในเรื่องหลักซะได้ ฯลฯ อะไรแบบนี้แน่นอนค่ะ

สำหรับปมหลักของเรื่อง ส่วนตัวแล้วแอบรู้สึกว่าไม่ค่อยแปลกใหม่อะไร (ฮา) บอกได้แค่ว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฮีโระและเกี่ยวกับเกมที่ปรากฏอยู่ในเรื่องนั่นแหละ รอบนี้ไม่ใช่ฝีมือของบั๊กสเตอร์ แต่ก็เกี่ยวข้องกับการข้ามไปมาระหว่างโลกจริงกับโลกเกมค่ะ

เส้นเรื่องโดยรวมไม่ถึงกับเป็นเส้นตรงทื่อๆ หนทางในการไปขอความช่วยเหลือจากฮีโร่ในเกมของเอมุก็ไม่ได้เรียบง่ายเหมือนเกมตะลุยด่านอะไรขนาดนั้น เพราะในเรื่องยังมีจุดหักมุม มีซ้อนแผน มีเรื่องที่ไม่คาดคิดซ่อนอยู่อีก

ทั้งๆ ที่พล็อตไม่ได้แปลกใหม่อะไร แต่การบิลด์อารมณ์ช่วงเข้าไคลแมกซ์ ตลอดจนเนื้อเรื่องช่วงก่อนหน้าที่สะสมความเข้มข้นมาเรื่อยๆ จนในที่สุดเนื้อหาฝั่งเอมุ ฝั่งฮีโระ ฝั่งป๊อปปี้ และ นากา เรย์ (เฮบิสึไคซิลเวอร์ จากเรื่องคิวเรนเจอร์) ที่ตามมาสมทบ ก็มาบรรจบกันและเฉลยในตอนท้าย พอมันขมวดเข้าหากันในช่วงตอนสำคัญ ก็สามารถส่งให้พล็อตที่ไม่ค่อยแปลกใหม่นี้มัน “ถึงอารมณ์” ได้จริงๆ

คือต่อให้เดาเนื้อเรื่องได้ ต่อให้เบื่อพล็อตนี้แล้ว แต่ถ้าตั้งใจดูจนมาถึงฉากนี้ได้ ยังไงก็ต้องอินแล้วอะ ฮือออ คนเขียนบทวางลำดับเรื่องมาดี๊ดี ;_; ชอบ

 

สำหรับแฟนเอ็กเซด

เรารับประกันว่าจะต้องชอบมูฟวี่ภาคนี้แน่นอน เพราะเนื้อหาในมูฟวี่นี่แทบจะทำออกมาเพื่อเป็นตอนพิเศษของมาสค์ไรเดอร์เอ็กเซดภาคหนึ่งแล้วเนี่ย 55555 บทของตัวละครฝั่งเอ็กเซดเด่นมากกก มีเอมุเป็นตัวดำเนินเรื่องหลัก มีฮีโระเป็นตัวละครสำคัญที่กุมกุญแจของเรื่องนี้ไว้ (แฟนๆ ฮีโระจะต้องปลื้มปริ่ม เพราะภาคนี้ฮีโระเด่นมาก) มีป๊อปปี้วิ่งไปวิ่งมาสร้างสีสันให้กับเรื่อง

ไทม์ไลน์ของเรื่องนี้ เมื่อเอาไปเทียบกับเนื้อเรื่องหลักของมาสค์ไรเดอร์เอ็กเซด จะอยู่หลังตอนที่ 23 ไปจนถึงช่วงต้นๆ ของตอนที่ 24 แต่จะเกิดก่อนตอนจบของตอน 24 ค่ะ

เพราะฉะนั้นไม่มีบทประธานคุโรโตะนาจา~ ใครแฟนคลับท่านประธานอาจจะผิดหวังห่อเหี่ยวเล็กน้อย …แต่ในเรื่องมีไรเดอร์เก็มมุ ที่เป็นตัวละครในเกมออกมาให้เอมุสู้หนึ่งยก ก็ดูร่างไรเดอร์เขาไปก่อนแล้วกัน

Kamen Rider × Super Sentai: Chou Super Hero Taisen capture

ท่านประธานคนหล่อไม่มา แต่มีร่างไรเดอร์มาเป็นคู่ประลองของเอมุในแบตเทิลอารีน่านะ (ภาพจากคลิปโฆษณาของญี่ปุ่นค่ะ)

ในส่วนของคิริยะซังที่เป็นเป้าหมายหลักของเรานั้น …เหอะๆๆๆ โผล่มาเต้นรำ หมุนตัวแปลงร่างหนึ่งโชะ เข้าไปช่วยตะลุมบอนสู้กับปีศาจหนึ่งยกตอนต้นเรื่อง แล้วเขาก็จากไปค่ะ ในอารีน่าตอนประลองกันหลายๆ ทีมก็ไม่มีบทค่ะ

…ค่ะ ชายผู้มีคลิปโปรโมตมูฟวี่ภาคนี้เป็นของตัวเอง ในหนังจริงมีบทแค่นี้แหละค่ะ จากนั้นก็ขอให้ทุกท่านย้อนกลับไปดูคลิปโปรโมตเสียงคิริยะโมโนโทนที่เราแปะเอาไว้ก่อนจะเข้าเนื้อหารีวิวอีกครั้งหนึ่ง ว่าเขาโฆษณาอะไรเอาไว้…

 ฮืออออ หนูโดนหลอกกก

นี่เอ็งไม่เห็นใจเด็กน้อยกับแฟนคลับคิริยะซังคนเท่ที่ลงทุนไปดูภาคมูฟวี่เพราะหลงเชื่อโฆษณาเอ็งหน่อยเรอะ! แง บทที่มีในหนังก็มากกว่าในโฆษณาแค่ประโยคเดียวเอง ซึ่งบทน้อยยังไม่เท่าไหร่ เราพอทำใจได้เพราะต้องหารกับไรเดอร์และเซนไตอีกกว่าร้อยคน ได้พูดสักประโยคก็ดีใจแล้ว แต่คิริยะที่เจอในมูฟวี่ก็ดันเป็นคิริยะในเกมซะอีกแน่ะ! (ฮีโระชุดดำในเกมรวมฮีโร่แสดงให้เห็นแล้วว่าคนในเกมกับคนในโลกจริงเป็นคนละตัวตนกัน) ฮือ ชุ้นจะเอาคิริยะซังตัวปลอมไปทำไม เอาตัวจริงมาาา *ร้องไห้ร้องห่ม* (คิริยะซังตัวจริงคงอยากบอกว่า “โดนต้มซะเปื่อยเลยน้า~ XD”)

แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ตอนที่คิริยะออกมาน่ะ มีเสียงฮือฮาในโรงด้วยนะ สมกับเป็นคิริยะซังคนเท่ คนฮอตของแฟนๆ ทุกเพศทุกวัยจริงๆ!

แต่สำหรับแฟนๆ เอมุกับฮีโระ คิดว่าน่าจะปริ่มกันไม่น้อย บทเยอะมากจริงๆ ช่วงกลางๆ เรื่องระหว่างที่เอมุเคลียร์เกม พล็อตรองของฮีโระก็เริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ มีเนื้อหาที่เกี่ยวพันกับอดีตคนไข้ของฮีโระ และสาเหตุที่โลกเกมโจมตีโลกแห่งความเป็นจริง แถมยังมีฉากปะทะกันของเบรฟกับทรูเบรฟ (หน้าตาคล้ายๆ เบรฟร่างเลกาซี่ในภาคหลัก แต่ชุดรุงรังกว่า) ฮีโระคนในเกมก็เท่มากๆ หล่อ กี๊ด ได้เห็นฝีมือการแสดงของโทชิกิคุง (นักแสดงผู้รับบทฮีโระ) แบบเต็มๆ จัดมาทั้งซีนอารมณ์ ทั้งความเป็นคนคูลขรึมพึ่งพาได้ ทั้งโหมดดาร์กที่พาลหน่อยๆ -/////-

ในส่วนของบทเอมุในมูฟวี่ภาคนี้ก็เท่มากกก! ชอบที่เริ่มต้นเรื่องเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวร้ายในเกมบุกโลก แล้วก็ให้ฝั่งเอมุค่อยๆ เคลียร์เกมไป ทั้งในอารีน่า ทั้งตอนที่ต้องสู้กับฮีโร่ในเกมทีละตัวจนกว่าจะไปถึงบอส มีการดึงเอากลเม็ดเล็กๆ จากในเรื่องเอ็กเซด ให้เอมุใช้เอาตัวรอดในสถานการณ์คับขัน (สมเป็นเกมเมอร์อัจฉริยะ M จริงๆ!) มีฉากที่ทั้งน่ารัก ทั้งฮา ทั้งน่าเอาใจช่วย เชื่อว่าคนที่ไม่เคยดูเอ็กเซด ถ้าได้เห็นการต่อสู้นี้ น่าจะสนใจดูมาสค์ไรเดอร์ภาคนี้ขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย

รวมทั้งฉากสำคัญในตอนท้ายเรื่องหลังจากทุกอย่างสงบลงแล้ว เหลือแค่ปมหลักปมสุดท้าย ในขณะที่ทุกคนเริ่มจนปัญญากับตรงนี้ คำพูดสำคัญของเอมุที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ก็เป็นคำพูดที่เราดูแล้วอดตบเข่าฉาดให้กับคนเขียนบทไม่ได้ “แหม่ ถ้าไม่ใช่เอมุ จะเล่นมุกนี้ไม่ได้เลยนะเนี่ย!”

เพราะการดำเนินเรื่อง และองค์ประกอบเช่นนี้ ทำให้เราคอนเฟิร์มได้เลย ว่ามูฟวี่ภาคนี้คนเขียนตั้งใจเขียนบทมาก เห็นว่าคนเขียนบทภาพยนตร์ไม่ใช่คนที่เขียนบทของเอ็กเซดด้วย ถือว่าเขาทำการบ้านมาแน่นมาก รู้จักจับจุดและเสน่ห์ของตัวละครมาใช้ผูกโยงกับพล็อต ทำให้บทภาพยนตร์เรื่องนี้ ‘ถ้าไม่ใช่เอ็กเซด ก็จะโยนให้เป็นบทของเรื่องอื่นไปไม่ได้เลย’ ด้วยความเอ็กคลูซีฟตรงนี้ ทำให้เนื้อหาทุกอย่างมันกลมกลืนกันไปหมด ซึ่งมันตรงรสนิยมเรามากๆ ให้ตายเถอะ♥

สำหรับไทกะ พี่แกคนนี้มาแบบประหยัดค่าตัวอะ 55555 บทเยอะกว่าคิริยะหน่อยนึง …หน่อยนึงเท่านั้น เกือบจะเรียกได้ว่าพี่แกมาเป็นตัวประกอบเสริมบารมีให้แก๊งเอ็กเซดครบคนเฉยๆ แต่ยังดีที่ได้ออกมาอีกทีตอนท้ายเรื่อง หลังจากแปลงร่างเป็นไรเดอร์สไนป์แล้วก็บู๊ไปยาวๆ ยันจบเรื่อง ก็ระเบิดภูเขาเผากระท่อมตามสไตล์เฮียแกดี อ้อ ถึงจะมีบทพูดไม่เยอะ แต่อุเคียวคุง (นักแสดงผู้รับบทไทกะ) หล่อขึ้นกล้องมากเลยนะ รู้สึกอิ่มบุญที่ได้ดูจากจอใหญ่ๆ หล่อละลายหัวใจ -/////-

และคนนี้ไม่พูดถึงไม่ได้… พาราโดะคุง♥ คนนี้มีคลิปโฆษณาเป็นของตัวเองเหมือนกับคิริยะด้วย

ค่ะ…เขามีโฆษณาเป็นของตัวเอง เพราะฉะนั้น ชะตากรรมปริมาณบทของน้องพาราโดะก็น้อยนิดพอๆ กับพี่เลเซอร์คนนู้นเลยอะค่า (แงงง โฆษณาหลอกลวงอีกแล้ว!)

แต่รายนี้ยังดี น้องพาราโดะแกออกมาขอเล่นด้วยตอนที่ไรเดอร์กับช็อกเกอร์ตะลุมบอนกันอยู่เพราะเห็นว่าน่าสนุกดี หลังแปลงร่างแล้วก็ได้โดดเข้าร่วมวงบู๊ไปยาวๆ พอๆ กับสไนป์เลยทีเดียว (อย่างน้อยก็ไม่ได้โผล่มาหมุนตัวแปลงร่าง เตะๆ ฟันๆ สองสามทีแล้วหายไปไม่กลับมาเหมือนใครบางคน ;-;) ตอนที่พาราโดะออกมาให้เห็นแค่แขนเสื้อสีม่วงๆ ในโรงก็มีเสียงพึมพำๆ ปนๆ แทรกๆ กับเสียงกลั้นหวีดของแฟนเกิร์ล (ชุ้นรู้…) ก็น้องน่ารักกกกกอะเน้อออ♥

ในส่วนของป๊อปปี้ เราอยากบอกว่าป๊อปปี้บทเยอะมากกก เธอได้บทสำคัญไปตะลุยในโลกเกมด้วย และเธอสวยมากกก สวยทุกช็อต ขึ้นจอใหญ่แล้วน่ารักละลายใจสุดๆ แฟนคลับป๊อปปี้ ปิโปะปะโปะจะต้องเพิ่มขึ้นเพียบแน่นอน (สารภาพว่าพอไปดูมูฟวี่นี้กลับมา ทุกครั้งที่ดูเอ็กเซด เราจะตั้งใจมองพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของป๊อปปี้มากเป็นพิเศษ เด็กๆ อย่าเอาเยี่ยงอย่างนะคะ =/////=)

 

สำหรับแฟนคิวเรนเจอร์

อยากบอกว่า …ทำใจนะคะ 5555 ทั้งแก๊งบทไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่ออกมาแต่ละทีได้ซีนอลังการทั้งนั้น นอกจากออกมาต่อสู้ตอนต้นเรื่องที่เล่าไปแล้วก็จะโผล่มาอีกทีตอนสู้กับบอสใหญ่ จัดหนักจัดเต็ม เล่นใหญ่สไตล์เซนไตเลย อ้อ แก๊งคิวเรนเจอร์ในเรื่องนี้เป็นกลุ่มฮีโร่ตัวจริงค่ะ ไม่ใช่ฮีโร่จากในเกม

แต่! ถึงตัวละครอื่นๆ ในคิวเรนเจอร์จะบทไม่เยอะ แต่ก็มีคนหนึ่งที่บทเยอะมาก ได้ซีนเยอะพอๆ กับหมอฮีโระจากเอ็กเซดเลย

คนคนนั้นคือ นากา เรย์ค่ะ มีบทเยอะมากกก! เป็นคนที่เอะใจเรื่องเคสคนไข้ในอดีตของฮีโระ เลยตัดสินใจขอตามเข้าไปในโลกเกมเพื่อตามหาตัวต้นเรื่องที่เป็นคนสร้างและบงการโลกเกมกับเขาด้วย เพราะคิดว่ามีอะไรบางอย่างที่ตนอาจช่วยได้

สำหรับแฟนคิวเรนเจอร์ ถ้าชอบนากา เข้าโรงไปดูบทนากาเชิดชูใจก็คุ้มค่าบัตรแล้วเหอะ เราไม่ได้ดูคิวเรนเจอร์มาก่อน แต่บทนากาก็เอาใจเราไปได้เต็มๆ เลย T^T บทเยอะ แสดงให้เห็นถึงลักษณะนิสัยของตัวละครได้ชัดเจน คนแสดงน่ารัก บทพูดก็เข้มข้น เล่นดีเหลือเกิน ฮึกกก

 

สำหรับแฟนจูโอเจอร์

ขบวนการสัตว์ป่า จูโอเจอร์ก็เป็นอีกกลุ่มที่เป็นจูโอเจอร์ตัวจริง ไม่ใช่ตัวละครจากในเกมรวมฮีโร่ทะลุมิติมา เรื่องราวฝั่งจูโอเจอร์เริ่มต้นที่ อามุได้รับบาดเจ็บ ถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลของพวกเอมุกับฮีโระ (บอกแล้วว่าเอ็กเซดบทเยอะ) พอถามไปถามมาก็พบว่าอามุเป็นหนึ่งในขบวนการเซนไตที่โดนตัวร้ายบุกจูแลนด์ทำให้กลุ่มของตัวเองกระจัดกระจาย จากนั้นจึงอยู่ช่วยเหลือฝั่งไรเดอร์คุณหมอไปยาวๆ ยันจบเรื่อง ในเรื่องนี้อามุก็ไปไหนมาไหนกับป๊อปปี้ราวกับเป็นคู่หูกันด้วย สาวๆ น่ารักมาอยู่ด้วยกันนี่ทำให้กระชุ่มกระชวยดีเหลือเกิน

ในตอนท้ายๆ กลุ่มจูโอเจอร์ก็มีบทเหมือนกันค่ะ แม้จะมีบทไม่มากเท่าอามุ แต่ก็ถือว่าโดดเด่นน่าเชียร์พอๆ กับคิวเรนเจอร์เลยทีเดียว

 

สำหรับแฟนไรเดอร์และเซนไตภาคอื่นๆ

ดูฉากบู๊เอามันส์ OK! ดูร่างไรเดอร์-วายร้ายช็อกเกอร์/เซนไตแก้คิดถึง OK! แต่ไม่ค่อยมีเนื้อเรื่องให้เสพมากไปกว่าการดูเฉยๆ (ฮา) เพราะพี่แกจะออกมาสู้กันให้ดูอย่างเดียว ยกเว้นแฟนนินนินเจอร์, โกบัสเตอร์ส, เคียวริวเจอร์, มาสค์ไรเดอร์เดนโอ, และมาสค์ไรเดอร์ริวคิ จะได้เห็นตัวละครจากในเรื่องมาเถียงกันตอนเอมุเลือกสมาชิกในทีมไปแข่งในอารีน่า ซึ่งเป็นฉากสีสันของเรื่องเลยทีเดียว ฮามาก ขำจนเหนื่อย เราชอบตอนโมโมทารอสในเกมต่อรองกับเอมุ 55555

 

สรุป

สนุกค่ะ ถ้าใครเป็นแฟนมาสค์ไรเดอร์เอ็กเซด, คิวเรนเจอร์, จูโอเจอร์, นินนินเจอร์, โกบัสเตอร์ส, เคียวริวเจอร์, มาสค์ไรเดอร์เดนโอ, และมาสค์ไรเดอร์ริวคิ ก็ไปดูเหอะ สนุก ภาคมูฟวี่อันนี้มีเส้นเรื่องเป็นของตัวเอง จบในตัวเอง ไม่ค้างคา เข้าใจง่าย ถ้าอ่านเรื่องย่อที่เราพิมพ์มาแล้วเข้าใจก็ไม่มีอะไรน่างงแล้ว เพียงแค่ว่าถ้าใครดูหลายเรื่องกว่า ก็จะเข้าใจลักษณะนิสัยของตัวละครได้ดีกว่า

อย่างที่ได้บอกไปแล้ว ว่าการที่มีฮีโร่ข้ามเรื่องมารวมกันนับร้อยคน ไม่ทำให้เป็นปัญหาต่อเส้นเรื่องเลย ทำได้ดีมาก ส่วนเรื่องการข้ามไปมาระหว่างโลกจริงกับโลกเกม ให้คิดเสียว่าเป็นแฟนตาซี เพราะในมูฟวี่นี้ให้สาเหตุที่เกิดโลกเกมไว้แตกต่างจากโลกเกมในภาคหลักของเอ็กเซด เพราะฉะนั้นต่อให้ไม่ได้ดูเอ็กเซดก็เข้าใจได้ (ส่วนคนที่ดูเอ็กเซดก็ต้องทำความเข้าใจใหม่ไปพร้อมคนอื่นอยู่ดี)

เนื้อหาโดยรวมแล้วเราว่าโอเคสำหรับให้เด็กดูนะ เนื้อหาส่วนของเอมุคล้ายๆ เล่นเกมต่อสู้กับเกมตะลุยด่านดี ดูฉากบู๊เพลินๆ เอามัน ส่วนพล็อตรองของฮีโระอาจจะเป็นเรื่องนามธรรมไปนิดนึง (เรื่องจรรยาบรรณแพทย์ – การต่อสู้กับอดีตของตัวเอง – การก้าวข้ามเรื่องเสียใจของตัวเอง) แต่เชื่อว่าถึงแม้คนดูวัยเด็กจะไม่สามารถสรุปออกมาเป็นคำพูดได้ แต่ก็น่าจะใช้ใจเข้าใจความรู้สึกของฮีโระได้ และน่าจะอิ่มใจไปกับบทสรุปของเรื่องได้เช่นกัน

ในส่วนของนากากับป๊อปปี้… สารภาพตามตรงว่าเราขัดใจนิดหน่อย 5555 การแสดงดี บทดี แต่ทัศนคติและสารหลักที่เรื่องต้องการจะสื่อ กลับพูดไม่ค่อยถูกหูเราเท่าไหร่ อาจจะเพราะตอนเราดู เราโยงอาการของคนไข้เคสนี้ของฮีโระเข้ากับโรคทางจิตใจ (เช่น โรคซึมเศร้า) เราเลยแอบคิดว่าการที่นากากับป๊อปปี้เข้าหาด้วยวิธีแบบนี้ ค่อนข้างจะผลักความรู้สึกผิดให้กับคนไข้มากไปนิดนึง ตอนดูเรารู้สึกอึดอัดกับฉากนี้ คิดในใจว่าสองคนนี้คงทำไม่สำเร็จหรอก ไม่อยากให้วิธีแบบนี้ได้ผลด้วย (Spoiler: ซึ่งหนังก็ทำออกมากลางๆ ไม่ถึงกับสำเร็จ ต้องรอฮีโระซึ่งเป็นเจ้าของเคสจริงๆ มาสานต่อ แล้วตบท้ายด้วยคนสดใสแบบเอมุมาสร้างแรงบันดาลใจให้คนไข้อยากมีชีวิตอยู่ต่อ ถึงจะปลดล็อกปมในใจของน้องคนนี้ได้)

แต่นากากับป๊อปปี้ก็ไม่ผิดนะ 5555 เพราะสองคนนี้ก็คงไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องรับมือยังไง คนหนึ่งเป็นเผ่าไร้อารมณ์ อีกคนก็เป็นตัวละครในเกมแนวสดใสร่าเริง เราคงต้องพูดว่าเรารู้สึกไม่ถูกหูกับ “สาส์นที่ผู้กำกับและคนเขียนบทตั้งใจจะสื่อในฉากนี้” มากกว่า ไม่ใช่ความผิดของตัวละครเลย (แต่เอาจริงๆ ถ้าไม่ไปตีความแบบนี้เอง ฉากนี้ก็เป็นฉากที่ดีฉากหนึ่งนะ เคยดูรีวิวของคนอื่น เห็นว่ามีการตีความแบบโยงกับกรณีเด็กติดเกมด้วย ถ้ามองแบบนั้นก็จะไม่ขัดใจ XD)

แนะนำมูฟวี่เรื่องนี้เป็น A must สำหรับแฟนเอ็กเซดที่ตามดูตอนพิเศษทั้งหลายมาแล้ว เรียกได้ว่าพลาดไม่ได้เลยดีกว่า เพราะถ้าไม่ดูภาคนี้ก็เหมือนตามตอนพิเศษของเอ็กเซดไม่ครบ แม้จะมีบางอย่างที่ดูแล้วรู้สึกว่ามันหลุดๆ จากความเป็นเอ็กเซดไปนิดนึง แต่เราว่าถ้าไม่คิดมากก็ถือว่าสนุกดี 55555 ดูได้เพลินๆ (Spoiler: ตัวอย่างเรื่องที่ส่วนตัวรู้สึกว่ามันหลุดๆ เช่น เรื่องทำไมป๊อปปี้ถึงสามารถดึงคนที่ไม่ใช่ตัวละครในเกมเข้าไปยังโลกเกมได้ ทั้งที่ในภาคหลักไม่เคยทำแบบนี้ และคิดว่าไม่น่าจะทำได้ด้วย, เรื่องสาเหตุการกลับมายังญี่ปุ่นของฮีโระ ที่ไม่ตรงกับเรื่องหลัก, หรือแม้กระทั่งเรื่องอดีตของฮีโระ ที่ตอนเราดูเราแอบคิดว่าฮีโระไม่มีทางปล่อยให้เคสนี้เป็นเคสด่างพร้อยในประวัติหน้าที่การงานของตัวเองแน่นอน ถ้ามีคนหายไปต่อหน้า ฮีโระคงสืบต่ออย่างสุดความสามารถ จนกลายเป็นเรื่องยาวได้เรื่องหนึ่งโดยไม่ทิ้งช่วงรอจนมาเจอเอมุในภาคหลักแล้วค่อยมาคลายปริศนาในภาคมูฟวี่หรอก) 

อย่าว่างั้นงี้เลย ขนาดเราไปดูมาแล้วก็ยังอยากดูอีกรอบเลยเนี่ย ต่อให้คิริยะซังบทน้อยก็เถอะ แต่เนื้อเรื่องก็เอาอยู่จนอยากดูซ้ำ เสียดายมากที่ฉายจำกัดโรง ; w ; และตอนนี้ก็ลาโรงไปแล้ว หงิง มารอแผ่นไปด้วยกันนะคะ

พูดถึงเรื่องลุ้นให้ทางผู้ถือลิขสิทธิ์ออกแผ่น เราเองก็มาติ่งเอ็กเซดช้าเหมือนกัน เลยไม่ทันได้ดูภาคดร.แพ็คแมนฯ (รวมพล 5 มาสค์ไรเดอร์ ปะทะ ดร.แพ็คแมน) ในโรง เราเข้าใจความรู้สึกคนที่ดูไม่ทัน TT-TT ทุกวันนี้ก็ยังหวังในใจลึกๆ ขอให้ทาง DEX ออกแผ่นภาคดร.แพ็คแมนฯ เวอร์ชั่นไทยทีเถ้อะ หรือเปิดฉายออนไลน์แบบเก็บตังค์ก็ได้ อยากดูแบบถูกลิขสิทธิ์ ฮือ *กอดขา DEX*

สำหรับภาคนี้ ตอนนี้ก็ได้แต่รอให้ทางญี่ปุ่นออกแผ่น และรอให้ทาง DEX ใจดีออกแผ่นภาคนี้มาขายให้หมู่เราเก็บสะสมกันต่อไปอะเนอะ

 

โดยรวมแล้ว ทั้งหมดนี้คือความรู้สึกของเราที่มีต่อภาพยนตร์ “มาสค์ไรเดอร์ ปะทะ ซูเปอร์เซนไต : อภิมหาศึกรวมพลซูเปอร์ฮีโร่” ที่ไปดูมาค่ะ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวเสียส่วนใหญ่เลย แต่ก็หวังว่าคนที่มาอ่านจะได้อะไรกลับไปบ้าง หรือคนที่ยังไม่ได้ดู ถ้าอ่านแล้วเกิดอยากดูขึ้นมา ก็มาช่วยกันกอดขา DEX ให้เขาขายแผ่นด้วยกันนะคะ T-T ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น ก็มาดูเอ็กเซดเป็นเพื่อนเราเถอะ หงุง *กอดขา* คนที่ดูเรื่องนี้แล้ว ถ้ามีความคิดเห็นอย่างไร มาคุยกันได้นะคะ ^^

ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ค่ะ

เจอกันบทความหน้านะคะ!☆

 

ขอขอบคุณ

ค่าย DEX ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาแปลไทย ทำให้เราได้ดูผู้ชายของเราจอใหญ่ๆ ในโรงภาพยนตร์ ฮือ มันฟินมากจริงๆ ค่ะ
ปปต. กับ แหวน ที่ช่วยจองบัตร ช่วยพาเราไปดูเปิดหูเปิดตา กับประสบการณ์เข้าโรงดูหนังรวมไรเดอร์เซนไตแบบติ่งๆ เป็นครั้งแรก
• พี่จิ คุณเนม ผู้พาเอ็กเซด (จริงๆ คือเรียวขาของท่านประธาน) มาสู่เรา จากทีแรกคิดว่าจะตามมาดูท่านประธานคนหล่อเฉยๆ ไปๆ มาๆ กลายเป็นตกหลุมลึกมาก ชอบเรื่องนี้มากจริงๆ ค่ะ ขอบคุณที่แนะนำนะคะ
 และสุดท้าย ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ☆

 

 

หืม?

อะไรนะ? รีวิวนี้เหมือนมีอะไรไม่ตรงปกเหรอ?

ชื่อบทความบอกว่าเป็น [Review+Scream] รีวิว “มาสค์ไรเดอร์ ปะทะ ซูเปอร์เซนไต : อภิมหาศึกรวมพลซูเปอร์ฮีโร่” ฉบับแฟนเกิร์ล (ผู้สครีมอย่างบ้าคลั่งเยี่ยงติ่งตายอดตายอยากมาจากไหนก็ไม่รู้) มีรีวิวแล้ว แต่ยังไม่มี “สครีมอย่างบ้าคลั่งเยี่ยงติ่งตายอดตายอยากมาจากไหนก็ไม่รู้” ใช่มั้ย?

กดดูในนี้เลยค่ะ ↓↓↓

สำหรับสาววายและแฟนเกิร์ล *มีสปอยล์บางฉาก ถ้ายังไม่ได้ดูไม่ควรอ่านค่ะ*

เนื่องจากเป็นการไปดูในฐานะแฟนเกิร์ล กับเพื่อนแฟนเกิร์ลอีกสองราย เราจะขาดการหวีดผู้ไปไม่ได้ เราไม่ได้ไม่หวีด เราแค่เก็บไว้มากรี๊ดทีเดียวเป็นข้อๆ ตรงนี้

• ฉากเปิดตัวฮีโระ มาถึงประโยคแรกก็ขำแล้ว ตลก ฮือ ขำจนเพื่อนที่นั่งข้างๆ (ปปต.) ต้องเอามือมาจับเรียกสติเรา ฮือ คูมหมอน่ารักจังเลยข่าส์

• เอมุน่ารักกกก ป๊อปปี้ก็น่ารักกก ภาคนี้มันเอมุป๊อปปี้สุดๆ (มีบทร่วมกันเยอะ) ชอบตอนที่คุณหมอสามคนออกโรงปกป้องป๊อปปี้ที่โดนพวกคิวเรนเจอร์โจมตีเพราะเป็นผู้ต้องสงสัย ตอนที่เอมุพยายามเจรจากับลักกี้ (พระเอกคิวเรนเจอร์) ก็สมเป็นเอมุดีจัง อยากเป็นพันธมิตรไว้ก่อน

• คิริยะบทน้อย… อะไรนะ? ข้างบนพูดไปแล้วเหรอ ฮือ เราอยากบ่นอีก คิริยะบทน้อยจริงๆ ร้องไห้ ;-; จริงๆ เราแอบไปอ่านสปอยล์ในเว็บต่างประเทศมาแล้ว เห็นเขาเขียนสั้นๆ ว่าโผล่มานิดหน่อย อ่านแล้วก็พอเข้าใจ ว่าเขาหมายถึงว่าคิริยะมาแค่ให้หายคิดถึง แต่ไม่คิดว่าจะมาแค่นี้ว้อยยย โฮ เจ้าคนหลอกลวง 5555 ทำไมคนแบบนี้ถึงมีคลิปโฆษณาเป็นของตัวเองยะ เพราะเป็นคิริยะคน (เสื้อลาย) ดอกสินะ หลอกลวงแม้กระทั่งโฆษณามูฟวี่ คนใจร้ายยย!

• คิริยะในเกมไม่มีส่งสายตาอาลัยรักให้กับเอมุใดๆ ทั้งสิ้น แห้งแล้งที่สุด แต่เราจะให้อภัย เพราะเห็นว่าภาคนี้มีภาคต่อเป็นมูฟวี่ฉายออนไลน์บนเว็บ (Kamen Sentai Gorider) ที่สาววายรีวิวว่าคิเอหนักมาก

• แต่ฉากคิริยะแปลงร่าง หมุนตัวสวยมาก จะเป็นลม อยากดูอีกรอบชะมัด

• ไทกะคนเด๋อ 5555 ตลกกก โผล่มาถึงก็สั่งๆๆ พูดๆๆ ปะทะคารมๆๆ แล้วพี่ก็สู้เลย ตลกความไทกะตรงนี้ พี่เหมือนอยากบู๊ไม่ไหวแล้ว เลือดร้อนเฟว่อค่ะหมอ ร่างสไนป์ก็หล่อมากกก กรี๊ด ร่างขุ่นสไนป์ก็เท่ทุกฉากเลย ร้องไห้ ฟิน มีความสุข ได้เห็นเขาจอใหญ่ๆ ฮือ คนอะไรเท่จัง

• คู่หูบาลานซ์กับนากาน่ารักกก บาลานซ์น่ารักกก ชอบตุ้มหู (?) ตาชั่ง มันจะแกว่งๆ ตลอดเวลา ดึงดูดสายตามาก เสียงพากย์ก็เฮฮาร่าเริงไปเรื่อย ชอบจัง 5555

• นากาน่ารักนากาน่ารักนากาน่ารักนากาน่ารักนากาน่ารักนากาน่ารักนากาน่ารักนากาน่ารักนากาน่ารักนากาน่ารักนากาน่ารักนากาน่ารักนากาน่ารักนากาน่ารักนากาน่ารักนากาน่ารักนากาน่ารักนากาน่ารักนากาน่ารักนากาน่ารักนากาน่ารัก

• บาลานซ์ก็น่ารัก แต่ในมูฟวี่บทน้อย ดูแล้วแอบก้าวลงหลุมบาลานซ์นากาเบาๆ คงต้องตามไปดูในเรื่องหลักของคิวเรนเจอร์แล้วล่ะ (อ้าว มาดูเอ็กเซด แต่โดนเซนไตตกเฉยเลย)

• นากากับฮีโระบทเยอะจนรู้สึกว่าควรโปรโมตไปเลย ว่าเป็นมูฟวี่สำหรับสองพระรองของเรื่อง รับรองกลุ่มเป้าหมายแฟนเกิร์ลกับเด็กๆ สายนิยมพระรองจะต้องมาดู

• มีฉากห้องของฮีโระตามเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากทวิตเตอร์คนญี่ปุ่น (ที่ปปต.แปลมาให้อ่านอีกที) ใครเมนฮีโระควรดูเพื่อเก็บข้อมูลห้องคุณชายหมอนะคะ

• ฮีโระชุดดำดูแรกๆ ก็เฉยๆ แหละ แต่มองไปนานๆ เริ่มหลง จนถึงตอนท้ายที่ยืนกับเอโตะคุง โอย ออร่าผู้ปกครองรุนแรง หล่อวววว์ ฟฟฟฟฟฟ //v\\

• ตอนจบมีฉากฮีโระคนในเกมยิ้ม!!!!!!!!!!! ยิ้ม!!!! โบกมือ! ทักทาย! บ๊ายบาย! ฮีโระยิ้มมมมมม ถึงจะเป็นตัวปลอมก็เถอะ แต่ก็ยิ้มมมม *ร้องกรี๊ดตะโกนกู่ก้องขึ้นฟ้า*

• ไม่เคยดูนินนินเจอร์ แต่คนสีฟ้าที่อยู่ทีมเอมุน่ารัก (คงไม่ถึงกับตามไปดูแบบคิวเรนเจอร์ รับรู้ว่าน่ารักพอ)

• เคยดูเดนโอแค่ไม่กี่ตอน ชอบโมโมทารอส ตอนมาดูมูฟวี่อันนี้ก็ยิ่งชอบมากขึ้นไปอีก

• พรี่โซลด้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก มายเมนนนนนน //v\\ สารภาพว่าทีแรกจำพรี่ไม่ได้ พรี่โต (?) ขึ้นเยอะเลยนะคะ จนเขาควักสัญญาออกมาก็รู้สึกเอ้อ มุกนี้น่ารักดี ถ้าเราดูต้องเป็นสเปกเราแน่เลย— จนเขาหยิบการ์ดแปลงร่างตัวเองขึ้นมา พ้มถึงเพิ่งนึกออกว่าเค้าคือเมนของเราคนนั้นในริวคินั่นเอง กรี๊ด /แฟนเกิร์ลประสาทช้า

• คิดว่าฮิโรกิคุง (นักแสดงผู้รับบทเอมุ) ต้องติ่งแตกแน่ๆ เลยที่ได้เข้าฉากกับพรี่โซลด้า (แต่จะดีใจมากกว่าถ้าเป็นริวคิสินะ…)

• ชอบที่ระหว่างคู่อื่นประลอง เอมุออกมาเตร่นอกสนามแข่งได้ด้วย เรียลมาก ให้ฟีลงานกีฬาสีดี

• แกร๊! ภาคนี้มันฮิเอมาก! มัน ฮิ เอ มาก!! (หรือจะมองเป็นเอฮิก็ได้มั้ง) ฮีโระหล่อมากกก ดูเป็นคุณหมอเงียบขรึมพึ่งพาได้ เดินหน้าแก้ไขปริศนาและตามสางอดีตตัวเองด้วยตัวคนเดียว จนสุดท้ายตามเข้าไปถึงโลกเกมแล้วไปช่วยฝั่งนากากับป๊อปปี้ได้พอดี ในขณะที่ฉากหน้าของเรื่องเหมือนเอมุเป็นตัวแบกใช่มั้ย ในเวลาเดียวกันการกระทำของฮีโระก็คล้ายๆ ช่วยเอมุไปอีกทางอย่างลับๆ อยู่เหมือนกันแหละ กรี๊ดดด นี่มันก๊าววววว

• ตอนฮีโระสองคนปะทะกัน บทพูดดี๊ดี เสียแต่ว่าแรกๆ เราดันตามไม่ทันว่าฮีโระคนไหนเป็นคนพูด (ดันพูดกันตอนแปลงร่างแล้วอีกแน่ะ) ฉากสู้ของเบรฟกับทรูเบรฟโคตรมัน ชอบท่าไม้ตายของเบรฟ ตอนท้ายหลังสู้เสร็จทรูเบรฟอย่างเท่ กี๊ด♥

• อฟช.ดูจะชอบเล่นมุก คนหนึ่งมีสองร่าง มุกตัวฉันอีกคนหนึ่ง อะไรทำนองนี้ดีนะคะ มารัวๆ ตั้งแต่ภาคหลักแล้ว ภาคนี้ฮีโระที่ดูปกติสุดๆ ก็ได้มีฮีโระอีกคนหนึ่งสมใจแฟนๆ สายนี้ (…)

• ฉากที่เอมุบอกว่าผมไม่นับถือคุณเป็นหมอ มีความปากไวจนน่าตีให้ก้นลายไม่เปลี่ยนแปลง แต่ภาคนี้ดีตรงที่เอมุขอโทษฮีโระชัดถ้อยชัดคำ …และโดนฮีโระตอกกลับหน้าหงาย (สม)

• แต่ฉากขอโทษน่ารัก กรี๊ด

• ตอนพาราโดะโผล่มามัน ฟหฟ่กฟา่ฟาสหก่ดาส่หดสฟห่สดวฟหกเ่ด่ส่าสเ่ฟาส เหลือเกิน พอดีวันที่ไปดูเป็นรอบวันอาทิตย์หลังจากทางญี่ปุ่นฉายตอนที่ 40 พอดี ติ่งพาราโดะที่นั่งข้างๆ เลยกหฟดส่สา่ฟส่ดฟสาด่สฟรำส่สทอสาฟ่รสหนักมาก เพราะมันฟ่ดกสาฟ่หก่หฟกา่ไำร่นำดาอหแอาหานดาหกนจริงๆ คราวนี้เป็นตาเราแล้วที่ต้องจับเพื่อนให้ตั้งสติ

• ตอนจบน่ารักฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมว เอมุน่ารักน่าตี ลักกี้โวยวายดีเหลือเกิน

• โฮว มันดีค่ะมันดี มันคือตอนพิเศษมาสค์ไรเดอร์เอ็กเซดที่ดีต่อใจค่ะ แม้เมนเราจะออกน้อยมากก็ตาม แต่มันก็ดีงามในฐานะหนังรวมฮีโร่เรื่องหนึ่ง ควรค่าแก่การดูสำหรับแฟนเกิร์ลเอ็กเซดทุกประการ

• ส่วนใครทีมคุณชาย ทีมฮิเอ เอฮิ น่าจะฟินระเบิดไปแล้ว

• เอาจริงๆ เราชอบการใช้พล็อต “โลกเกม” ของมูฟวี่ภาคนี้มาก 55555 รู้สึกว่าเข้าใจคิดดี เป็นเหตุผลที่ทำให้มีฮีโร่หลายๆ คนปรากฏตัวเยอะๆ และสามารถทำให้ตีกันเองมันๆ นัวๆ ได้อย่างมีเหตุผล

• ตรงจุดหักมุมในช่วงกลางเรื่องก็ทำเอาเหวอนิดๆ เหมือนกัน (แต่ทำใจไว้แล้วว่าหมอนี่น่าจะตัวร้ายแหละ แค่ไม่คิดว่าจะทำกันแบบเน้ 5555) ยอมใจคนเขียนบทมาก

• ถ้ามองว่ามูฟวี่ภาคนี้คือแฟนฟิคที่เอาคนอื่นมาเขียนบทเกี่ยวกับเอ็กเซด ก็ถือว่าเป็นแฟนฟิคที่คล้ายอฟช.มาก ทำการบ้านมาดีมาก มีจุดเพี้ยนนิดๆ หน่อยๆ แต่ก็อยู่ในกรอบที่รับได้ และที่สำคัญคือ “สนุก” นี่สิ

• กับคนที่คิดว่าจะเข้าโรงไปดูหน้าคิริยะ แล้วได้เห็นพี่ไม่ถึง 20 วิฯ แถมเคยดูแต่เอ็กเซด เรื่องอื่นไม่ได้ดู แต่หนังก็ยังยึดเราไว้อยู่กับที่ (ถ้าไม่นับว่าโรงภาพยนตร์มันลุกออกไปเดินเล่นตรงไหนระหว่างหนังฉายไม่ได้อยู่แล้ว 5555) จนออกมาเขียนบทความรีวิวชมขนาดนี้ได้ ก็ต้องสนุกมากพอให้เราอยากชวนทุกคนมาดูนั่นแหละ

• เพราะฉะนั้นมาดูเอ็กเซดกันเถอะค่ะ ส่วนภาคมูฟวี่นี่รอแผ่นหรือรอฉายออนไลน์ไปด้วยกันเนอะ