สวัสดีจ้ะ~☆
รอบนี้เป็นรีวิวที่เขียนไวๆ หลังดูเฮเซ’ไฟนอลฯ จบแล้ว พอมีเวลาว่างก็อยากรีวิวเลย เพราะยังเหลืออีก 1 รอบสำหรับกรุงเทพฯ และอีก 1 รอบ สำหรับ 4 จังหวัด ใครที่ยังลังเลจะได้มีตัวช่วยตัดสินใจค่ะ
หนังเรื่องที่เพิ่งไปดูมาและกำลังจะรีวิวในบทความนี้ คือภาพยนตร์รวมไรเดอร์ “รวมพลังมาสค์ไรเดอร์ FINAL บิลด์ & เอ็กเซด และลีเจนด์ไรเดอร์” หรือที่เราจะเรียกย่อๆ ว่า “เฮเซ’ไฟนอลฯ” ค่ะ แน่นอนว่าเป็นหนึ่งในภาคมูฟวี่ (ภาพยนตร์) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์มาสค์ไรเดอร์ที่เราตามอยู่อีกเช่นเคย
ตอนนี้เราก็ยังคงติ่ง มาสค์ไรเดอร์เอ็กเซด (Kamen Rider Ex-Aid) อยู่เช่นเดิมค่ะ และเพิ่มเติมคือไปตามดูภาค มาสค์ไรเดอร์บิลด์ (Kamen Rider Build) ซึ่งเป็นมาสค์ไรเดอร์ภาคถัดมาด้วย จึงทำให้ตอนนี้เราตามไรเดอร์ครบทั้ง 2 ภาคที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักของมูฟวี่ภาคนี้พอดีเลย รีวิวนี้ก็เลยจะพูดจาเป็นผู้เป็นคนกว่า รีวิวหนังรวมฮีโร่ภาคที่แล้ว นิดหน่อย แค่นิดหน่อยเท่านั้นค่ะ
เนื่องจากไปดูในฐานะแฟนเกิร์ล เพราะฉะนั้นรีวิวนี้จึงจะเน้นสครีมวี้ดว้าย และเป็นการรีวิวในมุมมองจากฝั่งผู้ชมที่เป็นสาวน้อยอีกเช่นเคย แน่นอนว่าจุดโฟกัสเราก็ยังมั่นคงอยู่ที่การมาโฮกผู้ชายเช่นเดียวกับทุกรีวิวที่ผ่านมาค่ะ เด็กและเยาวชนที่ดูในฐานะหนังฮีโร่ และแฟนๆ สายหนังแปลงร่างทั่วไปโปรดกำพระและจักรยานตลอดการรับชมรีวิวนี้ 55555
Review: Kamen Rider Heisei Generations FINAL: Build & Ex-Aid with Legend Riders
ชื่อภาพยนตร์: รวมพลังมาสค์ไรเดอร์ FINAL บิลด์ & เอ็กเซด และลีเจนด์ไรเดอร์
Kamen Rider Heisei Generations FINAL: Build & Ex-Aid with Legend Riders
วันที่เข้าฉาย: 7 เมษายน 2018
(ไปดูวันที่ 7-8 เมษายน 2018 โรงเอส เอฟ ซีเนม่า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ รอบ 12:00 น. ซาวนด์แทร็ก มีซับไทย)
**Warning**
– เนื้อหาทั้งหมดต่อจากนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว กรุณาใช้วิจารณญาณในการรับชม
– บทความนี้เป็นการรีวิวที่ไม่เหมือนรีวิวเสียทีเดียว หลักๆ น่าจะเป็นการสครีม (หวีดและกรี๊ดกร๊าด) มากกว่า และเราจะไม่พูดถึงเนื้อเรื่องในภาพยนตร์มากนักค่ะ
– เจ้าของบล็อกติดตามแค่มาสค์ไรเดอร์เอ็กเซด กับ มาสค์ไรเดอร์บิลด์ ไม่ได้ติดตามมาสค์ไรเดอร์รุ่นพี่ภาคอื่นๆ ที่มาปรากฏในภาคนี้เลย รีวิวนี้จึงเป็นความคิดเห็นจากฝั่งแฟนเอ็กเซดและบิลด์แค่สองเรื่อง ไม่สามารถให้ความคิดเห็นในส่วนของตัวละครจากเรื่องอื่นๆ ที่มาปรากฏตัวเท่าไหร่
– Spoiler Warning จะพยายามไม่สปอยล์เนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์มากนัก ส่วนไหนที่เป็นสปอยล์เราจะถมขาวไว้ แต่จะมีข้อความบางส่วนที่พาดพิงถึงตัวละครและเหตุการณ์สำคัญของซีรีส์มาสค์ไรเดอร์เอ็กเซดและมาสค์ไรเดอร์บิลด์ตอนที่ 14 ถ้ายังดูไม่ถึง กรุณากดปิดหน้านี้ทิ้งอย่างอ่อนโยนค่ะ
– เจ้าของบล็อกเป็นสาววาย สายออลเอออลและคิเอ เมนคิริยะ (เอ็กเซด) ส่วนในบิลด์เราขี้ชิปไปเรื่อยเปื่อย เพราะฉะนั้นจะสครีมแบบติดฟีลเตอร์สาววายแน่นอนค่ะ ใครที่ไม่ชอบความสัมพันธ์ของคู่ดังกล่าว กรุณาหลีกเลี่ยงและจัดการตัวเองค่ะ
ภาคนี้เป็นภาคที่ว่าด้วยการกู้โลกค่ะ คือกู้โลกกันจริงๆ เพราะโลกกำลังจะแตก มาสค์ไรเดอร์ทั้งหลายจึงต้องมารวมพลช่วยกันปราบตัวร้าย ทำลายเครื่องจักรกลที่กำลังจะทำให้โลกนี้ล่มสลาย อะไรทำนองนี้ แค่ฟังเรื่องย่อก็รู้แล้วว่าภาคนี้พล็อตแสนจะการ์ตูนโชเน็น (แนวการ์ตูนสำหรับเด็กผู้ชาย) แค่ไหน
อันนี้คลิปโฆษณาสั้นๆ ซับไทยที่ปล่อยออกมาตอนแรก เปิดตัวแคสต์และไรเดอร์ที่จะมีบทในภาคนี้ ไม่ได้เล่าเรื่องย่ออะไร แค่บอกให้รู้ว่าจะมีใครโผล่บ้าง แม้แต่พรีวิวสั้นๆ แค่นี้ก็ยังแสนจะโชเน็น เห็นแล้วเร่าร้อน พลังลูกผู้ชายพลุ่งพล่านเหลือเกินค่ะคุณขา
อันนี้เป็นตัวอย่างภาพยนตร์ฉบับซับไทย ถ้าคลิปนี้จะมีบอกเรื่องย่อด้วย ตื่นเต้นๆ ทุกคนเท่มาก
ภาคนี้ทาง DEX จัดรอบฉายแบบจำกัดโรงแค่ 3 รอบเท่านั้นค่ะ สองรอบแรก จัดวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 7-8 เมษายน ที่ผ่านมา และเพิ่มรอบพิเศษในวันอาทิตย์ที่ 22 เมษายนที่จะถึงนี้อีกรอบ (นอกจากนี้ยังมีรอบต่างจังหวัดที่ยังไม่คอนเฟิร์มการฉายในโรงภาพยนตร์ แต่มีเปิดให้ลงขันลุ้นฉายในโรงแต่ละจังหวัดอยู่)
สำหรับเราแล้วไม่มีอะไรให้ต้องลังเลค่ะ เพราะเป็นแฟนภาคเอ็กเซดไปแล้ว ภาคไหนมีเอ็กเซดเราก็ดูหมดค่ะ ยังไงก็ต้องดูให้ได้ …เลยจองตั๋วรอบกรุงเทพฯ ไป 2 วันเลยค่ะ ก็เลยได้สัมผัสบรรยากาศในโรงทั้งสองรอบ ซึ่งแม้ตัวหนังที่ฉายจะเหมือนกันเป๊ะ แต่บรรยากาศก็แตกต่างกันพอดูค่ะ ตรงนี้ขอเก็บไว้เล่าตรงส่วนท้ายบทความ ก่อนอื่นขอรีวิวเนื้อหาในหนังก่อนนะคะ
ด้านเนื้อเรื่อง
หูย ภาคนี้มันส์อะ บทสุดจะโชเน็นบอยแสนเร่าร้อน บู๊กระจายตามในทีเซอร์เลย ไม่รู้เพราะว่าภาคนี้เลือกลีเจนด์ไรเดอร์ (รุ่นพี่ไรเดอร์ในตำนาน) ที่เป็นพวกนิสัยบู๊เลือดร้อนมาแจมเสียเยอะหรือเปล่า เพราะพอมาอยู่ด้วยกันร่วมซีนเดียวกันแล้วทุกอย่างมันออกมาบ้าพลังมาก 5555
เนื้อเรื่องก็เป็นแนวปราบตัวร้ายที่คิดจะยึดครองโลกตามขนบของหนังฮีโร่เลยค่ะ เส้นเรื่องค่อนข้างตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรหักมุมเหนือความคาดเดา ส่วนที่สนุกของภาคนี้จึงอยู่ที่เหตุการณ์ระหว่างทาง ปฏิสัมพันธ์ของตัวละครจากต่างภาคที่ได้มาเจอกัน และฉากแอ็กชั่นล้วนๆ
เนื้อหาในภาคเฮเซ’ไฟนอลฯ นำเสนอด้วยแนวคิดของโลกคู่ขนาน ซึ่งมีอยู่นับพันใบที่ต่างก็ดำเนินอยู่ในเส้นเวลา (ไทม์ไลน์) ของตัวเอง และตัวร้ายของภาคนี้ก็เล่นใหญ่รัชดาลัย อยากรวมโลกคู่ขนานเข้าด้วยกันเพื่อให้ตัวเองได้พลังความเป็นอมตะมา ซึ่งหวยก็มาออกที่ โลกของมาสค์ไรเดอร์บิลด์ กับ โลกของมาสค์ไรเดอร์เอ็กเซด (+ไรเดอร์รุ่นพี่) ทำให้พวกเขาซึ่งเดิมทีอยู่คนละโลก เมื่อได้รับผลกระทบจากเครื่องข้ามมิติที่ตัวร้ายสร้าง ก็ทะลุมิติมาเจอกันได้นั่นเองค่ะ
จุดเด่นซึ่งเป็นจุดขายหลักๆ ของภาคนี้ก็ตามในทีเซอร์เลยค่ะ ภาคนี้มี ไบก์แอ็กชั่นซีน หรือฉากบู๊ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ของเหล่าไรเดอร์ให้ตื่นตาตื่นใจกัน
ภาพฉากแอ็กชั่นบนรถมอเตอร์ไซค์ของเหล่าไรเดอร์ จากคลิปโฆษณาของช่อง DEXclub ค่ะ
ไม่ได้มีแค่ขับรถพุ่งลอยกลางอากาศแบบในทีเซอร์แน่นอน (อันนี้เห็นในซีรีส์หลักบ่อยแล้ว ^^”) แต่งานนี้ไรเดอร์ทั้ง 6 คน ควบรถแล่นเข้าไปไล่ตบตัวร้ายกันกลางถนนเลยค่ะ เป็นแอ็กชั่นแนวผาดโผน สู้บนรถ เบียด กระแทก กระโดดข้ามกันไปมา อะไรทำนองนี้ ซีนค่อนข้างยาว สมชื่อ “มาสค์ไรเดอร์” ที่ต้องมากับรถมอเตอร์ไซค์ทีเดียวค่ะ
จุดเด่นรองๆ ลงมาของภาคนี้ก็คงเป็นซีจีอลังการ ซึ่งไม่ถึงขั้นเนียนกริบแบบฮอลลีวูด แต่อัดซีจีมาเยอะมาก บ้าพลังมาก เน้นตื่นตาตื่นใจไม่เน้นเรียล การออกแบบเครื่องข้ามมิติของตัวร้ายทำออกมาน่ากลัวดีค่ะ หุ่นยนต์ทหารที่ออกมาขัดขวางดูเหมือนก็อปแปะวางซ้ำๆ ไปหน่อย (คุณภาพระดับเดียวกับซีจีทหารการ์เดี้ยนในทีวีซีรีส์ของบิลด์เลย) แต่พอออกมาเยอะๆ ก็รู้สึกอี๋ๆ เป็นภัยต่อโลกดีค่ะ คุณไรเดอร์ช่วยด้วย 5555+ โดยส่วนตัวชอบซีจีฉากที่โลกสองใบถูกดึงมาใกล้กันจนมองเห็นกันและกันได้ แล้วมาสค์ไรเดอร์ทุกคนก็ “บิน” ขึ้นไปช่วยกันถล่มเครื่องอีนิกม่าที่ใช้ข้ามและรวมมิติ ชื่นชมความเจ้าไอเดียของบทในภาคนี้ ที่เลือกให้ไรเดอร์แต่ละคนแปลงร่างเป็นร่างที่บินได้ เพื่อบินขึ้นไปถล่มบนฟ้าโดยเฉพาะ ฮือ เท่มาก T/////T
สำหรับมาสค์ไรเดอร์ที่มารวมกันในภาคนี้ นอกเหนือจากบิลด์และเอ็กเซดซึ่งเป็นตัวดำเนินเรื่องหลักอยู่แล้วนั้น ยังมีการกลับมาของไรเดอร์รุ่นพี่ ประกอบด้วย มาสค์ไรเดอร์โกสต์, มาสค์ไรเดอร์ไกมุ, มาสค์ไรเดอร์โฟร์เซ, และที่สำคัญคือการกลับมาของ เอย์จิ และ อังก์ จาก มาสค์ไรเดอร์โอส
ซึ่งฉากที่แต่ละคนโผล่มา เท่มากๆๆๆๆ เราว่าตัวบทจัดซีนไว้ให้รุ่นพี่แต่ละคนดี๊ดีอะ ดูไม่เป็นการจับยัดลงมาแบบเน้นปริมาณหรือใส่ลงมาขำๆ แค่ให้หายคิดถึงแล้วจากไปดื้อๆ แต่ถึงกับตั้งใจปูบทมาเพื่อให้รุ่นพี่ได้มีซีนโชว์เท่ต่อหน้ารุ่นน้อง ดูแล้วรู้สึกพวกรุ่นพี่นี่พึ่งพาได้จังน่อ ปลื้ม ;////;
นอกจากนี้ยังจะได้เห็นการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวละครจากคนละภาค ได้เห็นพวกเขาพูดคุยกัน เกิดเป็นบทสนทนาแปลกๆ ที่ไม่มีวันได้เห็นในภาคหลักของแต่ละคน อันนี้เราว่าควรค่าแก่การจับตาดูทุกวินาทีในหนังเรื่องนี้เลยค่ะ
และสำหรับรุ่นพี่บางคู่ บางคน การมาปรากฏตัวในภาคนี้ ถึงกับเป็นการได้เคลียร์ปมที่ค้างคาใจจากภาคของเขาไปเปลาะหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ
สำหรับด้านความสมเหตุสมผลของเรื่อง เราว่าภาคนี้ทีมเขียนบทตั้งอกตั้งใจคิดสาเหตุและความเป็นมาในการรวมพลไรเดอร์ได้ดีทีเดียวนะ ในช่วงที่มีประกาศภาพยนตร์แรกๆ ตอนที่รู้ว่าโปรเจกต์รวมไรเดอร์ของปีนี้จะมีบิลด์กับเอ็กเซดเป็นตัวนำเรื่องร่วมกัน เราเองก็แอบสงสัยและเป็นห่วงอยู่นิดๆ ว่าเซตติ้งจะเข้ากันได้เหรอ เพราะเซตติ้งของเรื่องในซีรีส์หลักภาคบิลด์ มีการพูดถึง “สกายวอล” กำแพงประหลาดที่แบ่งญี่ปุ่นออกเป็น 3 เขตการปกครอง ซึ่งตามท้องเรื่อง สกายวอลในโลกของบิลด์ โผล่มาเป็น 10 ปีแล้ว O_O! แต่ในภาคเอ็กเซดตลอดจนไรเดอร์รุ่นพี่ทั้งหลาย แต่ละคนก็ดำเนินเรื่องอยู่ในโลกที่ไม่มีสกายวอลนี่นา ถ้าให้มาเจอกันแล้วจะคุยกันรู้เรื่องเหรอ?
ภาพจากคีย์วิชวลแรกสุดตอนเปิดตัวมาสค์ไรเดอร์บิลด์ “สกายวอล” คือกำแพงสีเทาๆ ที่มีหมอกควันและเรืองแสงสีแดงๆ ด้านหลังค่ะ
คำตอบคือ ก็ไม่รู้เรื่องน่ะสิ 5555
หนังโรงภาคนี้จึงให้ข้อยุติว่าบิลด์อยู่ในโลกคู่ขนานอีกใบ (ท่ามกลางโลกคู่ขนานอีกมากมายนับพันใบในจักรวาลนี้) โลกของบิลด์เป็นโลกคนละใบกับโลกของไรเดอร์คนอื่นๆ และประเทศญี่ปุ่นในโลกของบิลด์ก็เป็นประเทศญี่ปุ่นที่มีสกายวอล ในขณะที่ญี่ปุ่นในโลกของฝั่งเอ็กเซดและรุ่นพี่ทั้งหลายไม่มีสกายวอลนั่นเอง
เป็นอันยุติข้อกังขาเรื่องสกายวอล แถมยังเอาเรื่องข้ามมิติมาเป็นชนวนเหตุแห่งความวิบัติโลกล่มสลาย อันเนื่องมาจากการพยายามจะรวมโลกเข้าด้วยกันของตัวร้าย ซึ่งทำให้บิลด์และเอ็กเซดได้มาเจอกัน แถมเป็นวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ที่ทำให้ไรเดอร์รุ่นพี่ต้องมาปรากฏตัวเพื่อกอบกู้โลกอีกด้วย
เออ…เวิร์กเนอะ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ได้ทั้งพล็อตตัวร้าย ได้ทั้งแก้จุดที่ไม่ลงตัวระหว่างภาคเนียนๆ ไปเลย 55555
สำหรับแฟนบิลด์
เนื้อหาในหนังรวมไรเดอร์ภาคนี้ เกิดขึ้นหลังจากเนื้อเรื่องหลักตอนที่ 14 ซึ่งเนื้อหาในตอนนี้มีหลายสิ่งเกิดขึ้นมากมายจริงๆ ค่ะ เราพยายามนั่งดูย้อนแล้วก็ยังฟันธงไม่ได้อยู่ดีว่าเนื้อหาในหนังโรงภาคนี้มันลงล็อกกับช่วงไหนของซีรีส์หลักตอนนี้ (อ้าว) แต่เนื่องจากในหนังมีจุดสปอยล์เนื้อหาสำคัญของภาคบิลด์อยู่จุดหนึ่ง และมีไอเท็มเพิ่มพลังชิ้นหนึ่งที่ประดิษฐ์ขึ้นระหว่างตอนที่ 14 ถ้าจะไปดูให้ปลอดภัยแบบไม่เสียอรรถรส ยังไงก็แนะนำให้ดูบิลด์ให้ถึงตอนที่ 14 ก่อนแล้วค่อยดูภาคนี้อยู่ดีค่ะ
ส่วนที่เราชอบมากๆ และรู้สึกว่ามันลงตัวมากตั้งแต่ตอนที่เห็นโฆษณาเฮเซ’ไฟนอลฯ ท้ายตอนของทีวีซีรีส์บิลด์แล้ว คือเนื้อหาในซีรีส์ตอนที่ 14 เป็นช่วงที่ตั้งคำถามว่า “ถ้าการต่อสู้เพื่อความถูกต้องในความคิดของเรา แท้จริงแล้วเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการที่มีคนวางเอาไว้มาตลอด การต่อสู้นั้นจะยังเป็นการต่อสู้เพื่อความถูกต้องอยู่หรือไม่?” ซึ่งในซีรีส์หลัก คิริว เซ็นโตะ (มาสค์ไรเดอร์บิลด์) ก็ได้ให้คำตอบของเขาไปแล้ว แต่จะยังเหลือ บันโจว ริวกะ (มาสค์ไรเดอร์ครอสซ์) ที่ไม่สามารถทำใจได้ ทั้งนี้อาจรวมถึงผู้ชมเอง ที่ดูซีรีส์มาถึงตอนนี้แล้วอาจจะเคว้งๆ นิดหน่อย และกลับไปใคร่ครวญถึงโจทย์ที่ถูกโยนให้มา (ก็ใครจะไปใจแกร่ง คิดไว ทำใจเก่ง แบบเซ็นโตะกันอะ 5555)
ซึ่งเนื้อหาของภาพยนตร์เฮเซ’ไฟนอลฯ อันนี้ก็เลยพาเราไปทัศนศึกษาดูงานไรเดอร์รุ่นพี่กันซะเลย! ไปดูให้รู้ว่าไรเดอร์แต่ละคนเขาสู้เพื่ออะไรไปพร้อมๆ กับริวกะที่กำลังเคว้งคว้างและงงงวยหนักมากในเรื่อง (ฮา) ซึ่งเราว่ามันเป็นอะไรที่ตอบโจทย์และกลมกลืนกับเนื้อเรื่องหลักมากๆ และสามารถช่วยคลายความสงสัยในใจของคนดูได้ด้วย ฮือ เท่จัง รู้สึกฟินทางใจ
นอกจากนี้ ด้วยความที่หนังโรงภาคนี้ฉายที่ญี่ปุ่นในช่วงที่ทีวีซีรีส์บิลด์ก็ออนแอร์อยู่ ในตอนที่ 15 ของทีวีซีรีส์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ถัดมา (เกิดหลังจากเฮเซ’ไฟนอลฯ) ก็เป็นจุดหักเหสำคัญของเรื่องหลักด้วย นั่นทำให้ความรู้สึกจากการดูเฮเซ’ไฟนอลฯ ก่อนและหลังตอนที่ 15 เปลี่ยนไปเป็นคนละอารมณ์กันเลย
…เป็นการตลาดของโทเอย์เขาละ ที่มักจะปล่อยหนังออกมาคร่อมช่วงที่ภาคหลักกำลังจะเข้าจุดพีคหรือจุดหักมุมพอดี ทำให้ความรู้สึกที่มีต่อภาพยนตร์ก่อนและหลังดูซีรีส์หลักตอนใดตอนหนึ่งนั้นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที หลอกให้คนดูอยากดูซ้ำเพื่อเก็บรายละเอียดหลังจากได้รู้เนื้อหาจากซีรีส์หลักมากขึ้นชัดๆ T-T ซึ่งตอนมูฟวี่ภาคดร.แพ็คแมนฯ (รวมพล 5 มาสค์ไรเดอร์ ปะทะ ดร.แพ็คแมน) เมื่อปีก่อนก็ทำแบบนี้ พี่แกเล่นปล่อยภาคหนังโรงรวมไรเดอร์ออกมาฉายคร่อมก่อนและหลังเอ็กเซดตอนที่ 12 (ในตำนาน) เลยทีเดียวค่ะ …ร้ายเหลือเกิน T-T
สำหรับแฟนๆ ตัวละครจากภาคบิลด์ ตัวละครหลักของภาคนี้คือเซ็นโตะและริวกะ สองคนนี้มีบทออกเยอะมาก ส่วนมิโซระ เจ๊ซาวะ พี่หนวดเก็นโตคุ และคุณป๋ามาสเตอร์ มีบทกันประปรายแค่คนละซีนสองซีนสั้นๆ เท่านั้นค่ะ
เนื้อหาส่วนใหญ่จะอยู่ที่เซ็นโตะสลับกับริวกะที่ต่างฝ่ายต่างร่วมมือกับตัวละครจากฝั่งเอ็กเซด ช่วยกันตามหารังตัวร้ายเพื่อกอบกู้โลกภายในเวลาที่จำกัด ซึ่งระหว่างทางก็จะได้รับความช่วยเหลือจากบรรดาลีเจนด์ไรเดอร์คนอื่นๆ นั่นเอง
อ้อ คาซึรากิคุงก็มีบทบาทในแฟลชแบ็ก (ฉากย้อนอดีต) นะคะ คนนี้ค่อนข้างเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องเลยทีเดียว แถมยังทิ้งปริศนาเอาไว้เบาๆ ซึ่งจะเป็นคำใบ้ถึงเนื้อหาจุดสำคัญจุดหนึ่งในซีรีส์หลักของบิลด์อีกด้วยค่ะ (ตัวร้ายของภาคนี้ยังโดนเอาไปย้อมใช้ต่อในภาคหลักอีกต่างหาก แหม ดีไซน์ทีเดียวกินคุ้มยาวๆ เลยนะคะโทเอย์)
ตอนท้ายหลังเอนด์เครดิตมีเซอร์ไพรส์นิดหน่อย อย่าลืมรอดูจนจบนะคะ
สำหรับแฟนเอ็กเซด
คุณหมอไม่ค่อยเด่นในภาคนี้เลย ซึ่งก็ตามธรรมเนียมแหละเนอะ ว่าไรเดอร์คนปัจจุบันจะเป็นตัวชูโรงมากกว่า ส่วนไรเดอร์ภาคที่แล้วก็มาเป็นไรเดอร์ตัวรองของเรื่องในภาครวมไรเดอร์ของแต่ละปีไป
เส้นเรื่องส่วนของเอ็กเซด จะต่อเนื่องมาจากภาคหลัก (ซึ่งมีบิลด์มาปรากฏตัวในตอนท้ายภาค) → ภาคมูฟวี่ทรูเอนดิ้ง (ซึ่งมีบิลด์มาปรากฏตัวเช่นกัน) → แล้วจึงมาต่อด้วยเฮเซ’ไฟนอลฯ ซึ่งภาคนี้จะเป็นบทสรุปเหตุการณ์ทั้งหมดที่บิลด์มีส่วนร่วม (ในการสร้างความหายนะ 555) กับฝั่งเอ็กเซดค่ะ เรียกได้ว่าถ้าใครสงสัยในชะตากรรมหลังจากโดนต่ายบุกมาทำร้ายร่างกายไรเดอร์ของภาคเอ็กเซดอย่างอุกอาจ ต่ายทำไปทำไม แล้วต่ายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ก็ต้องตามมาดูภาคนี้ให้หายคาใจกันนั่นเอง
สำหรับคนที่ไม่ได้ดูเอ็กเซด ก็สามารถดูภาคนี้ได้รู้เรื่องเช่นกันค่ะ เพราะตอนต้นของเฮเซ’ไฟนอลฯ จะมีแฟลชแบ็กถึงวีรกรรมที่บิลด์เคยไปก่อไว้ในภาคเอ็กเซดให้ดูเช่นกัน
ตัวละครที่เด่นที่สุดในบรรดาตัวละครฝั่งเอ็กเซดทั้งหมด เห็นจะเป็น โฮโจ เอมุ (มาสค์ไรเดอร์เอ็กเซด) กับ พาราโดะ (มาสค์ไรเดอร์พาราดอกซ์ …ซึ่งไม่มีฉากแปลงร่างเป็นพาราดอกซ์ในภาคนี้ข่าาา *ซับหัวตา*) ทั้งสองคนนี้มีบทบาทสำคัญเท่าๆ กันเลยค่ะ แถมในภาคนี้จะได้เห็นพาราโดะในมุมใหม่ๆ หลังจากจบเนื้อเรื่องหลักอีกด้วย เมื่อพาราโดะกลับใจมาอยู่ฝั่งเอมุแล้วน้องนุ่งจะกลายเป็นคนแบบไหน ต้องมาดูกันนะคะ บอกเลยว่ากุมใจหนักมาก มีคะแนนเท่าไหร่เทใจให้น้องหมดค่า
สำหรับคุณหมอคนอื่นๆ รวมทั้งอาสึนะ/ป๊อปปี้ และนิโกะ สกรีนไทม์ในภาคนี้ค่อนข้างน้อยค่ะ แม้แต่พระเจ้า อย่าง ดัน คุโรโตะ (มาสค์ไรเดอร์เก็มมุ) ก็เถอะ นับวินาทีที่ออกกันได้เลย แต่เนื่องจากพระเจ้าคือพระเจ้า แม้จะมีจำนวนวินาทีที่ออกน้อย แต่ก็สามารถทำให้ตัวเองโดดเด่นกว่าปุถุชนได้เสมอ
บอกเลยว่าฉากที่ฮาที่สุดในเรื่อง ขำจนเหนื่อย ขำจนตัวโยน ก็มาจากฉากที่พระเจ้าออกนั่นแหละค่ะ ขอให้ทุกคนเตรียมใจเอาไว้ให้ดี ขำกันจนโรงสะเทือน ฮือ เราดูสองรอบ ก็ขำกันโรงสั่นสองรอบ ทุกคนเป็นบ้า คุโรโตะเป็นบ้า คนดูก็เป็นบ้า รอบแรกเราขำจนถึงกับอ่านซับไตเติ้ลไม่ทัน 55555555
นอกจากนี้ก็มีฉากน่าประทับใจที่ไม่หยิบยกมาพูดไม่ได้ อย่างฉากการทำงานร่วมกันของหมอๆ ในภาวะวิกฤติ เราจะได้เห็นทีมหมอ CR ทำงานร่วมกันแบบเข้าขากันสุดๆ ทุกคนรับส่งงานกันต่อเนื่อง ดูแล้วปลื้ม อยากเป็นคนไข้ (เอ๊ะ) T/////T ซีนนี้ใช้การถ่ายทำแบบ long take หรือการถ่ายยาวๆ ไม่ตัดต่อเลย ซึ่งมุมกล้องและการเคลื่อนกล้องก็ทำออกมาได้เท่มาก ขับให้การทำงานของคุณหมอทุกคนดูเท่ยิ่งขึ้นไปอีก ดูแล้วประทับใจ กุมใจหนักมาก รู้สึกทุกคนสมเป็นหมอมากเลยค่ะ! อยากวนดูเฉพาะฉากนี้ซ้ำๆ เลยทีเดียว มันดีงามมาก
นอกจากนี้ ยังมีส่วนที่ค่อนข้างจะเป็นจุดเล็กจุดน้อยสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่เราชอบและอยากยกย่องเป็นจุดเด่นของภาคนี้ด้วยเพราะความอวย คือ ฉากสู้ด้วยอาวุธในร่างคนของเหล่าคุณหมอเกมเมอร์ค่ะ
ฉากที่คุณหมอไรเดอร์แต่ละคนใช้อาวุธประจำตัวมาสู้กับเหล่าร้าย (ภาพจากคลิปโฆษณาของช่อง DEXclub ค่ะ)
ตามท้องเรื่องแล้วจะมีช่วงหนึ่งที่ เครื่องอีนิกม่า ซึ่งเป็นเครื่องข้ามมิติของตัวร้ายเริ่มทำงาน ส่งผลให้เข็มขัดเกมเมอร์ไดรเวอร์ของมาสค์ไรเดอร์จากภาคเอ็กเซดใช้การไม่ได้ บรรดาคุณหมอเลยต้องบู๊ด้วยตัวเอง (ส่งผลให้ริวกะงงเป็นไก่ตาแตก ว่าแปลงร่างไม่ได้แล้วสู้ต่อทำไม)
ฮือ ทุกคนเท่มาก เข้ากับอาวุธมากๆ ฮืออออ ชอบค่ะ หล่อออ ฉากเอมุจับอาวุธของตัวเองขึ้นสู้ก็ดี๊ดี มีฉากล้มด้วย เห็นหน้าเป็นแผลแล้วอยากช่วยซับเลือดให้ T~T
สำหรับแฟนโกสต์
อย่างที่บอกไปแล้วด้านบนๆ ว่าไรเดอร์ที่เลือกมาร่วมต่อสู้ในภาคนี้ เป็นลีเจนด์ไรเดอร์ที่ค่อนข้างบ้าพลังกันเสียส่วนใหญ่ ตัวตนของมาสค์ไรเดอร์โกสต์ที่เป็นคนเรียบร้อย ไม่ค่อยมีปากเสียง เลยดูจืดจางไปเลยค่ะ (ฮา) คือมีบทมั้ยก็มีนะคะ แต่ซีนต่อสู้รวม ทั้งฉากมอเตอร์ไซค์ และฉากช่วยกันทำลายเครื่องอีนิกม่า โกสต์เหมือนจมหายไปท่ามกลางพวกบ้าพลังเลยค่ะ ฮือ T-T
ฉากเด่นของโกสต์จึงไปอยู่ที่ร่างคน ที่ เท็นคูจิ ทาเครุ (มาสค์ไรเดอร์โกสต์) กับ โอนาริ คอยเป็นกำลังเสริมช่วยเหลือฝั่งคุณหมอระหว่างที่พวกคุณหมอแปลงร่างไม่ได้ ตรงนี้สืบเนื่องมาจากหนังรวมไรเดอร์ภาคก่อนที่สองคนนี้เคยเจอกับพวกเอมุมาแล้ว มาภาคนี้พวกเขาก็ยังคบหาเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกันดีอยู่เช่นเดิมค่ะ
และเนื่องจากเราไม่ได้ติดตามภาคโกสต์ จึงบอกไม่ได้เหมือนกันว่าความปลื้มปริ่มที่ได้เจอตัวละครในภาคนี้เป็นแบบไหน บอกได้แค่ว่าฉากที่ฮาที่สุดในเรื่องสำหรับเรา จะไม่ตลกขนาดนี้ถ้าไม่มีโอนาริค่ะ …ฮือ คนบ้า 55555555
ภาพจากเบื้องหลังการถ่ายทำเฮเซ’ไฟนอลฯ ในบล็อกออฟิเชียลเว็บไซต์ของบิลด์ค่ะ
สำหรับแฟนไกมุ & โฟร์เซ
ขอจับรวบกัน เพราะเป็นภาคที่เราไม่ได้ดูทั้งคู่ และ…บทน้อยทั้งคู่ (ฮา) ลีเจนด์ไรเดอร์สองคนนี้เหมือนมาแค่ให้หายคิดถึง แต่…ไม่ได้มาแบบถูกๆ นะจ๊ะ แน่นอนว่าค่าตัวนักแสดงแพงมาก อันนั้นใช่ เราหมายถึงมาแบบเท่มากกก กรี๊ดดดด T-T ขนาดไม่ได้ดูสองภาคนี้ยังสัมผัสได้ถึงความเท่เลยอะ และทั้งคู่ก็สายบ้าพลังไง (โฟร์เซบ้าพลังกว่านิดหน่อย) ฉากบู๊ก็จะตูมตามๆ กินซีนชาวบ้านชาวช่องกันไปรัวๆ
ไรเดอร์ทั้งสองคนเป็นลีเจนด์ไรเดอร์ที่มาปกป้องโลกตามหน้าที่ฮีโร่เลยค่ะ คนหนึ่งมาเพราะเพื่อนเรียก (…จริงๆ นะ) อีกคนมาเพราะรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของโลก เลยรีบมาปกป้องโลกใบนี้ ตัวละครที่มีบทของฝั่งโฟร์เซ จะมี คิซารากิ เก็นทาโร่ (มาสค์ไรเดอร์โฟร์เซ), เจค (JK) และอาจารย์โอสึกิค่ะ ในส่วนของไกมุมีแค่ คาสึราบะ โคตะ (มาสค์ไรเดอร์ไกมุ) ปรากฏตัวแค่คนเดียว
นักแสดงทั้งคู่หล่อมากค่ะ! *ทำมือโอเค* พี่ฟุคุชิ โซตะ (นักแสดงผู้รับบทเก็นทาโร่) ทำผมทรงนี้ก็ยังหล่อจริงไม่ติงนัง หน้าหันข้างดีงามมาก โฮ เห็นแล้วใจสั่นนน
ส่วนคุณซาโนะ กาคุ (นักแสดงผู้รับบทโคตะ) ก็หล่อแนวสดใส มีฉากกระโดดเตะในร่างคนด้วย สมกับความสามารถของนักแสดงที่ตัวจริงก็เป็นหนุ่มสายแอ็กชั่นบู๊กระจายจริงๆ ค่ะ
ตอนท้ายมีชีวิตประจำวันหลังจากเป็นครูแล้วของเก็นทาโร่ และฉากชื่นชมโลกใบนี้ที่เลี้ยงดูเขามาของโคตะด้วยค่ะ ถ้าใครคิดถึงไรเดอร์สองคนนี้หรืออยากเห็นวิถีชีวิตต่อไปหลังจากเรื่องหลักจบเพิ่มเติม ก็มาดูได้ในภาคนี้ค่ะ
สำหรับแฟนโอส
ดูเถอะ… จริงๆ นะ นี่คือประโยคขอร้องเลย ภาคนี้ให้ซีนตัวละครจากภาคโอสมากๆ แม้จำนวนนาทีที่ออกไม่ได้เยอะแยะมากมาย แต่ทุกช็อตที่ได้กลับมายืนข้างๆ กันมันมีค่ามากสำหรับแฟนๆ สองตัวละครนี้ TwT
ฉากกลับมาสู้เคียงข้างกันอีกครั้งของเอย์จิและอังก์ จากทีเซอร์
ขอโทษค่ะ แบบซับไทยแคปฯ ให้ชัดสุดได้แค่นี้ TwT (ภาพจากคลิปโฆษณาของช่อง DEXclub ค่ะ)
เราเพิ่งมาไล่ดูภาคโอสก่อนที่เฮเซ’ไฟนอลฯ จะฉายในไทยไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งเร่งดูให้จบไม่ทันวันฉายค่ะ (กร๊าก) แต่ก็พอรู้ตอนจบคร่าวๆ มาบ้างแล้วนะ เนี่ย ขนาดเราไม่ได้ดูจนจบยังอินไปกับเขาเลย ในหนังทำซึ้งจริงๆ ค่ะ ใจสั่นตั้งแต่วินาทีแรกที่เอย์จิออก ไปจนถึงฉากที่เปิดตัวอังก์ ไปยันฉากจบ น้ำตาซึมมม มันดีงามมาก ภาพสวยมาก ทุกอย่างสวยงามไปหมดเลย โฮฮฮ อินแรง ปลาบปลื้มไปกับแฟนๆ ของภาคนี้ด้วย T_T
ตัวละครจากโอสที่มาโผล่ในภาคนี้มีแค่ ฮิโนะ เอย์จิ (มาสค์ไรเดอร์โอส) กับ อังก์ เท่านั้นค่ะ แต่ถึงจะโผล่มาแค่นี้ก็ไปดูเถอะ นี่คือการขอร้องจากคนที่ดูโอสไม่จบด้วยซ้ำค่ะ T____T
สรุป
เป็นภาคที่แฟนๆ ไรเดอร์จะได้ร้อนรุ่มกระชุ่มกระชวยในหัวใจ ด้วยตัวบทที่ค่อนข้างตามขนบหนังฮีโร่ญี่ปุ่นอันคุ้นชิน ที่เพิ่มเติมเข้ามาด้วยฉากแอ็กชั่นที่อลังการกว่าปกติ คิดว่าไม่ว่าจะเป็นแฟนไรเดอร์ภาคไหน ก็คงเอนจอยไปด้วยไม่ยากเลยค่ะ
แต่สำหรับแฟนๆ ภาคบิลด์และเอ็กเซดก็จะได้ดูเนื้อหาเสริมที่เติมเต็มแก่เนื้อหาของภาคหลักมากขึ้น และแฟนๆ ลีเจนด์ไรเดอร์ก็จะได้พบกับไรเดอร์ในดวงใจกลับมาโลดแล่นในจออีกครั้ง โดยเฉพาะแฟนๆ ภาคโอสที่คงรอการกลับมาของเอย์จิและอังก์มายาวนาน ก็จะได้เห็นพวกเขาหวนคืนจอพร้อมกันสักทีในภาคนี้ค่ะ
นอกจากนี้ยังจะได้เห็นมุมแปลกๆ ของตัวละครต่างๆ เมื่อได้เจอกับคนจากต่างโลก เช่น เซ็นโตะที่อ่อนโยนกว่าปกติ เพราะคนที่อยู่ด้วยไม่ใช่ริวกะที่เซ็นโตะชอบแขวะอยู่เป็นประจำ (5555), พาราโดะ หลังจากกลับใจมาอยู่ฝ่ายคุณหมอแล้ว ซึ่งต้องไปผจญภัยร่วมกับเซ็นโตะในโลกที่ไม่รู้จักแทน, ริวกะโหมดเด็กหลงทาง คุยกับใครก็ไม่รู้เรื่อง, เอมุที่มีพัฒนาการจากหมอฝึกหัดเฟอะฟะสู่คุณหมออุดมการณ์สุดแกร่งจนแม้แต่ริวกะยังต้องทึ่ง, เอย์จิและเก็นทาโร่โหมดรุ่นพี่ที่มองไรเดอร์รุ่นน้องด้วยความเอ็นดู, เมื่ออดีตเจ้าอาวาสโคจรมาเจอกับพระเจ้า ฯลฯ ทั้งหมดนี้คือสีสันของ รวมพลังมาสค์ไรเดอร์ FINAL บิลด์ & เอ็กเซด และลีเจนด์ไรเดอร์ ภาคนี้ค่ะ
สำหรับในด้านตัวบทของหนัง ภาคนี้เป็นภาคที่เล่นมุกและบทพูดที่ค่อนข้างจะ Geek และ Nerd มาก 55555 อาจจะเพราะไรเดอร์หลักเป็นบิลด์ ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ ตัวร้ายก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ ไรเดอร์รองของภาคนี้ก็เป็นเอ็กเซด ซึ่งเป็นหมอ (นี่มันสายวิทย์ทั้งหมดนี่นา!) และเนื้อเรื่องหลักของซีรีส์ทั้งสองภาคก็ดำเนินเรื่องกันแบบเข้มข้น แถมโทนเรื่องหลักเดิมเป็นสายข้อมูลแน่นกันทั้งคู่ด้วย จึงทำให้ตลอดการดูหนังภาคนี้ รู้สึกว่าต่างฝ่ายต่างมีดีเทลของภาคของตัวเองล้นเอ่ออยู่ตลอดเวลา รอเวลามาปะทะกันเพื่อให้ได้แลกเปลี่ยนอธิบายซึ่งกันและกัน
ซึ่งเมื่อถึงฉากที่ว่าในที่สุด… ทุกอย่างกลับเกิดขึ้นไวมาก
พี่คะ หนูรู้ว่าพี่รีบ โลกจะแตกแล้ว แถมหนังโรงมีเวลาจำกัด ไหนจะต้องแบ่งบทให้รุ่นพี่ได้พูดบ้าง ฝั่งบิลด์กับตัวแทนฝั่งเอ็กเซดเลยต้องรีบคุยรีบเข้าใจงี้ เพราะจะรีบไปกู้โลกต่อแล้ว อันนี้เข้าใจ แต่ฉากที่ว่าไหลผ่านไปเร็วมากจนคนดูตามไม่ทันเลยค่าาา แบบเดี๋ยวนะ… เมื่อกี้คุยอะไรกันนะ น้องฟังมิทัน ทุกวันนี้ยังไม่ชัวร์ว่าคนฟัง (ในเรื่อง) ฟังเข้าใจรึเปล่าด้วย หรือเขาทำหน้าเออออไปอย่างนั้นเพื่อความลื่นไหลของเรื่อง 55555
อย่าว่าแต่คนที่ไม่ได้ดูทั้งสองภาคนี้ หรือดูแค่ภาคใดภาคหนึ่งมา เราที่ดูครบทั้งสองภาคยังอ่านซับไตเติ้ลช่วงที่เซ็นโตะคุยกับพาราโดะเรื่องเงื่อนไขการแปลงร่างเป็น “มุเทคิ” ของเอ็กเซดแล้ววิเคราะห์ให้ฟังว่าทำไมบิลด์ถึงเลือก “ทำแบบนั้น” ในตอนต้นเรื่องไม่ทันเลยค่ะ ดูสองรอบแล้วก็ยังงงอยู่ดี อันนี้ไม่รู้เพราะซับฯ หรือเพราะบทในเรื่องมันไวมากจนตามไม่ทันอยู่แล้ว (เอ๊ะ? หรือเพราะเราฉลาดไม่พอเอง 5555) แต่ถ้าไม่คิดมากเรื่องความไวของบทพูดระหว่างเอ็กเซด บิลด์ และตัวร้าย เราว่าก็ยังดูเข้าใจอยู่ค่ะ แค่จะมีเบลอๆ บ้างบางจุด
ส่วนอื่นๆ ในเรื่องก็ไม่มีจุดไหนที่ขัดใจเลยค่ะ บทสมูธจนไม่มีอะไรให้ติ (จริงๆ ก็มีนิดหน่อย เช่น ทำไมตัวร้ายถึงมีสองคนในต่างโลก แต่พวกตัวละครหลักอื่นๆ กลับมีแค่คนเดียวในโลกของตัวเอง แต่เนื่องจากไม่ใช่จุดสำคัญอะไร เราว่าเป็นสิ่งที่มองข้ามไปได้อะ)
ถ้าจะมีจุดที่รู้สึกหนืดบ้าง ที่เรารู้สึกว่ามันยังทำได้ดีกว่านี้อีกๆๆๆ คงเป็นการกำกับและตัดต่อ รวมไปถึงการให้น้ำหนักฉากต่อสู้ของเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่มีฉากไบก์แอ็กชั่นซีนสุดอลังการ กับฉากต่อสู้ร่วมกันของไรเดอร์ทั้งหมดที่เท่แสนเท่แล้วแท้ๆ แต่ตรงศึกสุดท้ายก่อนปิดฉาก กลับทิ้งท้ายด้วยการใช้ตัวละครหลักฝั่งไรเดอร์เพียง 2 คน กับฉากต่อสู้ยาวๆ ที่ไม่พลิกแพลงหวือหวาอะไรเท่าไหร่ ตรงนี้ทำให้แอบง่วงอยู่นิดหนึ่ง
อีกจุดคือการผูกเรื่องให้ไรเดอร์แต่ละภาคมารวมกัน เราว่ามันอยู่ในเซฟโซนเกินไปหน่อย หลายๆ สิ่งที่คนดูคาดหวังจากเรื่องนี้ตั้งแต่เห็นรายชื่อไรเดอร์ที่มารวมพลกัน กลับไม่มีให้เห็นในภาพยนตร์ ถึงแม้เราจะบอกว่าจุดที่สนุกของภาคนี้คือการที่ให้ตัวละครจากต่างภาคมาเจอกัน และมีปฏิสัมพันธ์ที่ทำให้ได้เห็นแง่มุมที่แปลกออกไปจากเดิมของตัวละครแต่ละตัว แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วเราว่ามันยังสามารถเจอกันได้มากกว่านี้อีก หากวางมวยให้ถูกคู่ก็จะส่งให้หนังป่วงและตลกได้มากกว่านี้ แต่ตัวหนังกลับเลือกที่จะเลี่ยงการพบเจอกันของตัวละครหลายๆ คู่ไปอย่างน่าเสียดาย เช่น การปะทะกันของพระเจ้า VS พระเจ้า (ไกมุ VS เก็มมุ) ที่แฟนๆ คาดหวังกันมาตั้งแต่ทีเซอร์ ก็ต้องผิดหวังกันไปนาจา พระเจ้ากับพระเจ้าไม่ได้เจอกันนาจา…
(แต่ก็ไม่แปลกใจ เพราะบางตัวละครถ้าได้เจอกันขึ้นมาคงทันเกมกันมากเกินไป หรือไม่ก็ทับไลน์กัน จนทำให้เกิดเส้นเรื่องวุ่นวายเพิ่มขึ้นมาอีก หนังอาจจะต้องยาวกว่านี้อีก แค่นี้ก็แน่นแล้วเด้อ)
โดยรวมแล้วเราว่าภาคนี้เดินตามสูตรสำเร็จหนังฮีโร่ญี่ปุ่น มันเลยอยู่ในจุดปลอดภัยที่ไม่มีความเสี่ยงหวือหวาว่าจะขัดกับพล็อตหลักของเรื่องไหน ไม่มีความป่วงที่มากจนเกินไปจากการรวมตัวละครหลายๆ ภาคให้มาเจอกัน และไม่มีประเด็นทางด้านศีลธรรม-จรรยาบรรณอะไรให้ถกมากมายด้วย ดูเอามันส์กับเอาฟินที่ตัวละครที่เราชอบโผล่มาล้วนๆ ซึ่งในส่วนนี้ตัวหนังสามารถตอบโจทย์ได้ดีมากๆๆๆๆ และส่วนที่เหลือคือความคอมพลีตในชีวิตติ่งที่ได้ดูเนื้อหาต่อเนื่องหลังจากภาคหลักจบ (สำหรับลีเจนด์ไรเดอร์) และความคอมพลีตของเนื้อหาที่มากขึ้นกว่าการดูแค่ทีวีซีรีส์ (สำหรับสองไรเดอร์หลัก บิลด์และเอ็กเซด) ในภาคนี้นั่นเองค่ะ
เพราะฉะนั้นจุดเด่นของภาคนี้คงไม่ใช่ “เนื้อหา” แต่มันคือ “ความฟิน” ที่ได้ดูพวกเขามาอยู่บนจอภาพยนตร์กันอย่างอลังการ ซึ่งก็สมกับชื่อภาค เฮเซเจเนอเรชั่น “ไฟนอล” ดีนะคะ☆
ตอนนี้ยังเหลือรอบฉายอีก 1 รอบในกรุงเทพฯ คือรอบวันที่ 22 เม.ย. [Link] ส่วนรอบต่างจังหวัดตอนนี้ยังเปิดให้ลงขันกันอยู่ (ลงขัน = ระบบ crowdfunding รูปแบบหนึ่ง) ใครอยากดูไปหย่อนลงขันให้ไว ทางนี้เด้อ [Link])
รีวิวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (มั้ง) :
รีวิวส่วนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับตัวหนัง พูดถึงบรรยากาศในโรงแต่ละรอบ และความขี้ชิปของตัวเราเอง สนใจอันไหน เลือกกดดูในนี้ได้เลยค่ะ ↓↓↓
บรรยากาศในโรง รอบวันเสาร์ที่ 7 เม.ย. *มีสปอยล์บางฉากสำคัญ ถ้ายังไม่ได้ดูไม่ควรอ่านค่ะ*
รอบวันเสาร์ที่ 7 เม.ย. เป็นรอบแรกสำหรับการฉายโรงไทยค่ะ ระบบการจำหน่ายของตั๋วหนังของเฮเซ’ไฟนอลฯ นี้ จะใช้วิธีการกดซื้อจากเว็บ Shop.DexClub แล้วพอถึงวันฉายก็ไปแสดงบัตรประชาชนเพื่อรับบัตรหน้างานค่ะ
วันแรกคิวรับบัตรยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก คิดว่าทางผู้จัดก็คงไม่คาดคิดว่าคิวรับบัตรจะยาวอลังการขนาดนี้เหมือนกัน จึงเตรียมการไม่ทัน ก็ต่อคิวกันไปทั้งแบบนั้นค่ะ ทาง DEX ก็รับผิดชอบด้วยการเลื่อนเวลาฉายออกไปประมาณ 30 นาที คนที่ได้ตั๋วแล้วก็ไปนั่งรอในโรงก่อนได้ ส่วนคนที่ยังต่อคิวก็รอรับบัตร แล้วเข้าไปชมพร้อมกันเมื่อถึงเวลาค่ะ
พอรับบัตรแล้วเราก็เข้าโรงไปพร้อมกับเพื่อนๆ บรรยากาศในโรงค่อนข้างคึกคักทีเดียวค่ะ มีทั้งกลุ่มที่มากันเป็นครอบครัว มีทั้งกลุ่มวัยรุ่น คู่รักที่เป็นแฟนกันมาดูก็มีค่ะ ได้ยินข่าวมาว่าวันนั้นตรงกับวันจัดมีตติ้งของกลุ่มคนรักคาเมนไรเดอร์บนเฟสบุ๊ก (แต่เราไม่ได้ไปร่วมนะ) รอบนี้จึงคึกคักกันกว่าปกติหน่อย เข้าใจว่าคงเป็นเพราะรวมกลุ่มกันจองไปหลายที่นั่งในโรง จึงทำให้บรรยากาศเป็นกันเองเผื่อแผ่มาถึงคนนอกด้วย (?)
ทีแรกคิดว่าจะน่ากลัวค่ะ แต่พอดูไปสักพัก กลับคิดว่าสนุกดี เพราะถึงแฟนๆ ไรเดอร์ที่รวมกลุ่มกันมาดูจะมีจำนวนเยอะ (มั้ง…ฟังจากเสียงเอา) แต่เอาเข้าจริงแล้วเขาก็ส่งเสียงเชียร์และปรบมือกันเฉพาะฉากเปิดตัวไรเดอร์แต่ละคน หรือซีนที่สำคัญมากๆ เท่านั้น ซึ่งตามบทบาทในเรื่องก็ทำออกมาเท่แสนเท่จนรู้สึกว่าสมควรได้รับเสียงฮือฮาอยู่แล้วด้วย จึงไม่รู้สึกว่าเป็นการรบกวนแต่อย่างใดค่ะ นอกจากนี้ก็เป็นฉากตลกทั้งหลาย ที่ขำกันสุดเสียงมากๆ ถึงกับแอบเห็นเงาคนลุกขึ้นปรบมือให้ฉากพระเจ้าด้วย ซึ่งไม่ใช่ปฏิกิริยาที่โอเวอร์เกินไปเลยค่ะ เพราะบทในหนังก็ตลกเบอร์นั้นจริงๆ ฮือ ขำโรงแตกกก
จุดที่สนุกอีกอย่างหนึ่งคือช่วงที่เอนด์เครดิตขึ้น จะเป็นเมดเล่ย์รวมเพลง OP ของไรเดอร์แต่ละคน ด้วยความที่เป็นเพลงที่รู้จักกันดีในหมู่แฟนของแต่ละภาคอยู่แล้ว แฟนๆ ของไรเดอร์แต่ละภาคก็จะร้องเพลง OP ของภาคนั้นคลอไปด้วย เพลงที่มีเสียงร้องตามดังมากๆ เห็นจะเป็นภาคบิลด์ ตามมาด้วยภาคเอ็กเซด และไกมุ ที่เหลือก็สูสีกันเลยค่ะ แสดงว่ารอบนี้แฟนๆ จากภาคใหม่เยอะทีเดียว แต่ก็เป็นบรรยากาศที่ดีมากๆ เลยค่ะ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ในทีแรกเลย
นอกจากนี้ จุดพีคอีกอย่างของโรงรอบนี้ คือในฉากหลังเอนด์เครดิต เป็นฉากการปรากฏตัวของไรเดอร์คนหนึ่ง ซึ่งทันทีที่มีเงาโผล่ออกมาโฉบขวดไป ก็มีเสียงร้องด้วยความทึ่ง และเสียงปรบมือต้อนรับไรเดอร์คนนี้
และทันทีที่ภาพจับที่ไรเดอร์คนนั้น เสียงปรบมือประปรายก็เปลี่ยนเป็นเสียงตบมือเข้าจังหวะ พร้อมเสียงเชียร์
\ มี่ตัน! /
\ มี่ตัน! /
\ มี่ตัน! /
\ มี่ตัน! /
ใช่เลยค่ะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครมา 555555 ฮืออออออ เป็นความทรงจำอันน่าประทับใจน้ำตาไหลของโรงรอบนี้ เชียร์สนุกมากเลยค่ะ ← เอากับเขาด้วย
แถมยังติดใจเข้าซะแล้ว จนพักนี้เผลอคิดบ่อยๆ ว่าหนังแนวนี้ควรมีรอบที่ส่งเสียงเชียร์ได้ขึ้นมาเลยค่ะ XD
อ้อ รอบหนังของ DEX นี้ ทุกที่นั่งจะได้โปสเตอร์ฟรี 1 แผ่น แถมมาพร้อมบัตรเป็นม้วนๆ ซึ่งขนาดค่อนข้างข้างใหญ่เลยทีเดียว (แอบพกไปเที่ยวต่อลำบาก) พอกางออกมาแล้วตกตะลึงในความอลังการ เห็นขนาดเต็มแล้วเข้าใจเลยว่าทำไมม้วนถึงใหญ่ เป็นโปสเตอร์รุ่นภาษาญี่ปุ่นล้วนด้วยนะ ไม่มีโลโก้ไทยแทรก เหมาะแก่การสะสมสุดๆ
บรรยากาศในโรง รอบวันอาทิตย์ที่ 8 เม.ย. *มีสปอยล์บางฉากสำคัญ ถ้ายังไม่ได้ดูไม่ควรอ่านค่ะ*
รอบวันอาทิตย์ที่ 8 เม.ย. คือรอบที่สองของการฉายโรงไทยค่ะ รอบนี้การจัดการเรื่องบัตรเป็นระเบียบและคิวไหลไวกว่ารอบแรกเยอะมาก ขอชื่นชมค่ะ
บรรยากาศในโรงรอบนี้ค่อนข้างสงบเรียบร้อยกว่ารอบที่แล้ว ซึ่งก็เหมาะสำหรับเราที่ดูสองรอบ รอบนี้จะได้ใช้สมาธิในการดูแบบเก็บรายละเอียดไปเลย
ถึงโรงจะเงียบสงบ แต่ที่นั่งก็ค่อนข้างเต็มเลยนะคะ มองลงไปไม่เห็นที่นั่งว่างเท่าไหร่ (แต่มีที่นั่งฟันหลอนิดนึง อาจจะเพราะมีคนเทบัตร) ยินดีกับค่ายผู้นำเข้ามาฉายจริงๆ ค่ะที่คนมาดูกันอุ่นหนาฝาคั่งแม้จะเป็นการฉายวันที่สองแล้วก็ตาม
รอบนี้ไม่มีเสียงเชียร์ในฉากเปิดตัวใดๆ ค่ะ แต่มีเสียงฮือฮาตามเนื้อหาของหนังเหมือนกับโรงภาพยนตร์ทั่วไป จุดที่เหมือนกันของรอบนี้กับรอบที่แล้ว คือฉากพระเจ้า ยังคงฮาโรงแตกเหมือนเดิม แค่ฟังเสียงหัวเราะในโรงก็รู้แล้วว่าขำกันจนหมดลมจริงๆ ขำกันแทบหายใจไม่ทัน ฮือ ดีจังเลยนะ ที่ถึงแม้จะไม่ใช่โรงที่มีเชียร์ แต่ทุกคนก็ยังขำกับจุดปล่อยมุกของเรื่องเช่นกัน สนุกไปคนละแบบนะ
อ้อ ในรอบนี้มีเสียงร้องเพลงคลอแค่นิดหน่อยค่ะ มีเสียงร้องคลอช่วงเพลง OP ของภาคโอสกับบิลด์สูสีกันเลย แต่ของโอสจะปนเสียงสะอื้นนิดหน่อย ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าแฟนๆ ภาคโอสมาดูรอบวันอาทิตย์กันเยอะทีเดียวค่ะ ส่วนภาคที่เหลือก็กระจายๆ กันไป
จะว่าไป ก็มีฉากเปิดตัวเอย์จิ กับฉากเปิดตัวอังก์นี่แหละ ที่เสียงเชียร์และเสียง “โอ้โหหห!” ของรอบนี้ดังชัดเจนยิ่งกว่ารอบแรกอีก ส่วนฉากเลียไอติมในตำนานก็เรียกเสียงฮือฮาได้มากมายเลยทีเดียว ทำให้รู้ว่าแต่ละซีนที่โอสออกมา เป็นซีนที่มีพลังจริงๆ ค่ะ (เอ้อ เรานี่ก็ใส่ใจเรื่องชาวบ้านใช้ได้เหมือนกันเนอะ 55555)
สำหรับสาววายและแฟนเกิร์ล *มีสปอยล์บางฉาก สำคัญบ้างไม่สำคัญบ้าง เน้นฉากโมเมนต์ ถ้ายังไม่ได้ดูหรือไม่อยากโดนสปอยล์โมเมนต์ก็ไม่ควรอ่านค่ะ*
ตามคอนเซปต์ของบล็อกรีวิวเยี่ยงแฟนเกิร์ล เราจึงขาดการหวีดผู้ไปไม่ได้ ก่อนอื่นรบกวนอ่านคำเตือนตรงต้นบทความให้ดีก่อนนะคะ เพราะเราจะหวีดจากมุมมองของเรือเราอย่างเดียว และเผือกเรือชาวบ้านด้วยนิดหน่อย ถ้ารับไม่ได้ควรหยุดตั้งแต่ตรงนี้ค่ะ XD
• ฉากเปิดตัวเอมุ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เธออออออออออ! เปิดตัวมาเดินได้สองสามก้าว ก็ไปกับเลเซอร์เลย ฮืออออออออออออออออออออออออออออออออออ ปลื้มปริ่มมากๆ เลยค่ะ ฮืออออออออออออ TT_________________________TT ทำไมเค้าสนิทกันดีจัง รู้ใจเกินไปแล้วป่ะ ทำไมมมม ทำไมมมมม นี่มันอะไรรรรรรร อย่าทำแบบนี้กับใจหญิงงงง!
• ชอบเลเซอร์เลเวล 2 มาก ดีใจมากที่มีร่างนี้ในหนังโรง! แถมคนขี่เป็นเอมุ! ไม่มีอะไรจะน่าดีใจกว่านี้อีกแล้ว
• ซะที่ไหนล่ะ ดูต่อไปอีกก็มีที่น่าดีใจกว่านี้อีก! เป็นฉากที่เอมุแปลงร่างไม่ได้ (เพราะโดนดูดพลังเอ็กเซดไปตอนต้นเรื่อง) เลยหันไปมองคิริยะแบบทำไงดี บ้าเอ๊ย ใจเต้น! ใจเต้นหนักมาก แล้วต่อจากนั้นเป็นฉากแปลงร่างของคิริยะ ซึ่งคิริยะยกแขนขึ้นกันเอมู้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
ภาพจากเบื้องหลังการถ่ายทำในเฮเซ’ไฟนอลฯ ในบล็อกออฟิเชียลเว็บไซต์ของบิลด์ค่ะ
แบบเดียวกับในภาคหลักตอนสุดท้ายอะ ที่ยกแขนขึ้นกันเอมุที่แปลงร่างไม่ได้ ฮืออออออออออออออออออออออออ กรี๊ดดดด เป็นคู่หูกันต้องปกป้องกันขนาดนี้ อี๊ยยยย์ ขอยาดมมม! ตอนดูในโรงแทบจะกินเบาะรองแขนไปแล้วเด้อ อยากลุกขึ้นกรี๊ดบอกทุกคนว่านี่เรือหนูว นี่เรือหนูว เห็นโมเมนต์มั้ยคะ นั่นไงคะโมเมนต์ มันดีงามใช่มั้ยละคะๆๆๆๆ
• ตอนแปลงร่าง คิริยะแปลงร่างแบบหันหลัง เพราะฉะนั้นหลังแปลงร่างเสร็จแล้วเลเซอร์เทอร์โบจะหันหน้าเข้าหาเอมุ อย่างกับสบตากันอยู่เลย ใจ…น้อง…ไม่ไหว…แล้ว *เขียนดายอิ้งเมสเซจ*
• ที่เหลือต่อจากนั้นก็มีฉากที่คิริยะออกมายืนอยู่ด้านหน้ารับการโจมตีของไรต์ไคเซอร์ อันนี้ยืนรวมๆ แต่พอดียืนตรงกับเอมุ ฉันก็จะเอามาหวีด กรี๊ดเล็กกรี๊ดน้อยฉันก็เอา
• คุณไทกะวอแวฮีโระทุกฉากเลย คุณฮีโระจะคุยกับเอมุก็จะมีไทกะโผล่มาคุยด้วยตลอด 5555555
• แล้วไทกะเป็นอะไร ทำไมดูโมโหกราดเกรี้ยวใส่นิโกะตลอดเวลา พวกเธอเป็นอะไร ทะเลาะอะไรกันมา คุยกันดีๆ
• ฉาก long take ที่คุณหมอทำงานด้วยกันเท่มากๆ จะเป็นลม อยากลูปดูตลอดไป ทุกคนดูมืออาชีพมากๆ ถ่ายทำก็เท่ ชมแล้วก็จะชมอีก ชมวนๆ ไปเรื่อยๆ และใช่ค่ะ คู่ชิปเราคุยกันอีกแล้วค่ะ อ่ากๆๆๆๆๆๆๆ
• ตรงนี้แอบ แหมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม ใส่คิริยะนิดหน่อยตรงฉากที่พูดพร้อมกับนิโกะ เอ้า แหมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
• ภาคนี้แอบสงสารพาราโดะ อัลลัยคือพาราโดะหายไปเป็นอาทิตย์ แต่พี่หมอเอมุไม่คิดจะตามหาแถมบอกฮีโระด้วยน้ำเสียงเหมือนบ่นลมฟ้าอากาศ 55555 ในขณะที่วันเวลาในโลกบิลด์ที่พาราโดะหลงไป เวลาเดินไปสองปีแล้ว สองปีที่ไม่มีเอมุอะ! ทั้งๆ ที่น้องติดเอมุมากๆ แท้ๆ โฮฮฮ หนูลูกกกก! แล้วพอติดต่อสื่อสารกับเอมุได้เป็นครั้งแรก เอมุดันถามว่าหายไปไหนมาอาทิตย์นึง เพราะเวลาฝั่งเอมุเพิ่งเดินไปได้แค่อาทิตย์เดียว น้องก็ดูช็อกๆ ไป แต่เราช็อกกับคำถามของเอมุมากกว่าอีก โอ้ย คิดว่าไปไหนอะ ก็ไปตามหาพลังคืนมาให้เอ็งเนี่ยแหละ เอมุเอ๊ยยย *ดมยาดม*
• ตลกรอยยิ้มคิริยะตอนรู้ว่าเอมุติดต่อพาราโดะได้แล้ว คนนี้ดูดีใจกว่าเจ้าตัวอีกค่ะ
• ภาคนี้พาราโดะเป็นเด็กดีใสใส และเป็นลมบ่อยมาก ให้ต่ายประคองแบกไปแบกมา มีฉากนั่งซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ของต่ายด้วย ฉากนี้ดีมากเลย เหมือนพาหมาพุดเดิ้ลยักษ์ขนสีดำๆ ไปส่งเจ้าของ โอ้ย น่ารักกกกกกกกกก
• ชอบตอนพาราโดะเถียงกับต่าย ชอบความมุกตึ่งโป๊ะ ชอบสีหน้าพาราโดะที่อึ้งไปนิดนึงก่อนจะตอกกลับไป ตาหลกกก มุกสามบาทห้าบาทเอกลักษณ์ของบิลด์ พอเอามาเล่นกับพาราโดะแล้วมันตลกอะ เหมือนพี่ต่ายแกล้งเด็กหกขวบ (เอ๊ะ หรือในไทม์ไลน์นี้ต้องนับเป็นสิบขวบแล้ว 5555555)
• ต่ายกับพาราโดะอิสกู้ด
• ป๊อปปี้มีบทไม่เยอะ แต่ชอบที่ทุกฉากของป๊อปปี้จะเกี่ยวข้องกับคุโรโตะ คุโระป๊อปดีค่ะ (ใช่ค่ะ นี่ก็เรือหนู) ฉากตอนจบน่าร้ากกกก คุโรโตะสายคิวต์ แบ๊วๆ
• คิริยะรุนแรงกับคุโรโตะมากอะ กลัว แต่พอคิดว่าในเนื้อเรื่องหลักก็เคยฆ่าเอาๆ มาแล้ว แค่กระโดดเบิ๊ดหัวพระเจ้าคงไม่เท่าไหร่หรอก
• ฮีโระตอนจบตลก 55555555555555555555555555555555555555555555555555555 คุณชายขี้เก๊กพอหน้าเหวอแล้วกลายเป็นโทชิกิคุง (นักแสดงผู้รับบทฮีโระ) ไปเลย คุณชายสายรั่วหน้านิ่งอะ แง้ ชอบๆ
• ภาคนี้ไม่ค่อยต่ายมัง/มังต่ายเลย เพราะสองคนนี้แยกกันไปสู้อยู่คนละโลก กว่าจะได้กลับมาเจอกันก็ท้ายๆ เรื่องแน่ะ …แต่นอนเตียงเดียวกันนะ อิ
• ประทับใจความวอแวคาซึรากิของพี่หนวดเก็นโตคุ พี่เป็นอับดุลผู้รอบรู้ทุกเรื่องของคาซึรากิ ถามได้ตอบได้ แหมๆ ทำไมรู้เยอะจังอ่าคะ อิอิ
• คาซึรากิน่ารัก T-T จริงๆ คือน่ารักทุกฉากที่ออกมา ชอบความไว้ใจของใครสักคน (จำไม่ได้ว่าพี่หนวดหรือต่าย) ที่บอกว่าที่คาซึรากิสุดท้ายเลิกช่วยโมกามิ คงเพราะต้องการหยุดความทะเยอทะยานของเขา อื้อหือ ฟังแล้วกำมือแน่นมากๆ ชอบเวลามีคนชมคาซึรากิ ดีใจแทน
• พอคิดถึงบิลด์ตอน 15 แล้วก็รู้สึกว่า อืม คาซึรากิเอ็งมันคนดีจริงๆ ฟ่ะ มีการห้ามไม่ให้พาราโดะกระโดดวาร์ปข้ามมิติเข้ามาด้วยอ้ะ แง พ่อคนดีเอ๊ยยย ฉันอยู่ทีมเธอนะ!
• ในโรงรอบแรกเสียงฮือฮาของสาวๆ (วาย) ฉากมาสเตอร์โผล่มาคุยกับต่ายดังมากอะ ตกใจนิดนึง เพราะไม่เคยส่องแฟนดอมไทย เพิ่งรู้ว่าเรือมาสเตอร์ต่ายเป็นเรือใหญ่ของไทยขนาดนี้ (ในขณะที่เสียงทีมพี่หนวดกับต่าย/คาซึรากิ ก็จะกริบๆ มีเรากรี๊ดในใจคนเดียวในโรงป่าวไม่รู้เนี่ย 55555)
• ส่วนโรงรอบสองเสียงที่ดังมากคือเสียงของแฟนๆ โอส ฉากเอย์จิกับอังก์มันดีจริงๆ ดีทุกฉาก ดีจนไม่รู้จะชมยังไง ฮือ ถ้าใครชิปคู่นี้คงนอนน้ำตาอาบแก้มไหลขึ้นสวรรค์อยู่ในโรงนั้นแหละ
• ฉากที่เราชอบที่สุดคือตอนที่เอย์จิมาช่วยมัง พูดถึงตัวเองว่าจะคว้าทุกมือที่เอื้อมถึง แต่แววตาเอย์จิเหมือนไม่ได้กำลังพูดถึงมัง แต่เหมือนกำลังคิดถึงใครคนหนึ่งอยู่มากกว่า แอบน้ำตารื้นตรงนี้เบาๆ
• ฉากไอติมคือที่สุดแห่งความอิมพลายขั้นเทพ
• ออกมาจากโรงแล้วคุยกับเพื่อนๆ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าถึงไม่ได้ดูโอส แต่เอย์อังก์ชัดเจนมากจริงๆ มองข้ามไม่ได้ จะแจกการ์ดเมื่อไหร่บอกด้วย
• พาราโดะกับเอมุบทเยอะ คนชิปคงชอบแหละ มีโมเมนต์เยอะดี เพราะเป็นตัวนำเรื่องกันทั้งคู่เลย และสื่อสารถึงกันได้ พอได้มาเจอกันสีหน้าพาราโดะก็ดูดีใจมากๆๆๆ เอมุก็ดูสบายใจขึ้น ฉากชนหมัดที่ดี ฉากแปะมือที่ดี โมเมนต์เยอะจนคนชิปน่าจะอิ่มไปได้หลายปี
• ส่วนทางนี้ในสมองกำลังวี้ดว้ายความสนิทสนมของคู่ตัวเอง (คิเอ) อยู่ค่ะ ถ้าจะทำตัวสนิทสนมและปกป้องขนาดนี้ก็รีบไปขอนะคะคุณพรี่ หนุ่มๆ รอจองเยอะ เดี๋ยวไม่ทันเขา
• ฮีโระดูขยันชวนเอมุคุยเยอะขึ้นเนอะ น่าร้าก ภาคนี้ฮีโระดูบ๊องๆ เป็นพ่อหมอศัลย์ฯ ตลกหน้าตาย (ที่มีไทกะเป็นคนตบมุก)
• เนื่องจากภาคนี้ไม่มีจุดหักมุม ถ้าให้ขายเนื้อเรื่องก็ไม่รู้จะขายอะไร เอาเป็นว่าถ้าใครไม่ชอบฉากแอ็กชั่นก็แนะนำให้ไปดูเอาโมเอะไปวันๆ แทนค่ะ ผู้ชายหล่อมาก ตัวละครทุกตัวหล่อและมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง พอเอามาเจอกันเลยบันเทิงมาก
• ฉากแปลงร่างของเอมุกับเซ็นโตะ แล้วแย่งซีนกับรุ่นพี่ก็ตลกดี มุกสามบาทห้าบาทตึ่งโป๊ะสไตล์บิลด์ + ความโมเอะของคาร์ฯ แบบเอ็กเซด feat. สถานการณ์รุ่นพี่รุ่นน้องมันน่ารักจัง
• ฉากทาเครุกับโอนาริท้ายเรื่องน่ารักกก
• เพราะฉะนั้นใครยังไม่ได้ดูก็ไปดูเถอะค่ะ! น่ารักกกกก
ขอขอบคุณ
• ค่าย DEX หรือพิเดกซ์ของน้องๆ ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาแปลไทยฉายโรง ขอบคุณมากเลยค่า สนุกมากๆ ดีใจที่ได้ดูในโรงค่ะ
• คุณแป้ง น้องจิน แก๊งจองบัตรเป็นหมู่คณะรอบวันเสาร์ ขอบคุณที่เดินหลงมาลงหลุมไรเดอร์กับเรานะคะ ดีใจที่ได้ดูหนังด้วยกันแบบติ่งๆ ในแฟนดอมนี้ค่ะ
• ปปต. แหวน คิรัจจี้ แก๊งจองบัตรเป็นหมู่คณะรอบวันอาทิตย์ ขอบคุณที่มาดูเป็นเพื่อนและมาติ่งเป็นเพื่อนกันน้า
• และสุดท้าย ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ☆
บทความหน้าจะเป็นบทความเกี่ยวกับอะไรก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าหมดมุกอาจจะเอาฮีโร่โชว์รอบกรุงเทพฯ เมื่อต้นปีมารีวิวค่ะ ซียู!